“รมว.คลัง” เผยผลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงกระทบซัปพลายเชนในภาคส่งออกให้ต้องปิดตัวลง และแรงงานต้องตกงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาดูแลเพื่อลดผลกระทบให้อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด ย้ำ ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเป็นเช่นไร คลังมีแผนรับมือและเตรียมมาตรการรองรับตามความเหมาะสม
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลงว่า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม แต่การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกยังคงส่งผลเป็นลูกโซ่โดยจะเห็นได้จากการปิดตัวของโรงงานและการเลิกจ้างพนักงาน ทั้งนี้ เมื่อภาคส่งออกได้รับผลกระทบย่อมทำให้ซัปพลายเชนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิตรายย่อยได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาดูแลเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด
โดยกระทรวงการคลังจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อดูแลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะแย่ลงกว่านี้หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย และเมื่อรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะหยุดเพียงแค่นี้ แต่ยังต้องมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจโลกในอนาคตด้วย โดยต้องมีการใช้มาตรการหลายอย่างประกอบกัน อย่างไรก็ตาม แม้ ธปท. จะดูแลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และกระทรวงการคลังได้เคยออกมาตรการต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่จะทำให้ผลกระทบหมดไปคงทำไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจในปี 63 อาจชะลอตัวลงแล้วจะมีความจำเป็นที่กระทรวงการคลังต้องผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร กระทรวงการคลังจะเตรียมแผนรับมือและเตรียมมาตรการรองรับ ทั้งนี้ มาตรการที่จะออกมานั้นกระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในหลายๆ เรื่อง แต่จะเน้นการใช้มาตรการที่มีความเหมาะสมต่อเศรษฐกิจไทยและสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด