ผลิตภัณฑ์ตราเพชรโชว์ผลงาน 9 เดือนแรก ทำกำไรพุ่ง 474.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.45% มากกว่ากำไรทั้งปีของปี 2561 เติบโตก้าวกระโดดสูงสุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทฯ แม้เป็นช่วงนอกฤดูกาลขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง จากความสามารถการบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 95% ของกำลังการผลิตโดยรวม มั่นใจปีนี้ทำภาพรวมเติบโตทะลุเป้า
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป และบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2562) สามารถผลักดันการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีกำไรสุทธิ 474.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 335.21 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิดังกล่าวสูงกว่าภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2561 ที่ทำได้ 422.85 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดในครั้งนี้มาจากความสำเร็จของการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 95% ช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 25-27%
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยความสำเร็จด้านการทำตลาดผ่านแนวคิด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ที่สื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าให้รับรู้ถึงความหลากหลายของสินค้าแบรนด์ ‘ตราเพชร’ สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่งเป็นที่เชื่อมั่นจากลูกค้า และทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายในการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 3/62 ยังมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดี เนื่องจากเป็นปีที่ DRT ทำรายได้เพิ่มขึ้น 118.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 11.91% แม้ว่าในไตรมาสนี้จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลขายสินค้าวัสดุก่อสร้างก็ตาม แต่บริษัทฯ ก็ยังประสบความสำเร็จในการทำตลาดเป็นอย่างดี ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ ทำได้ 130.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เดิมในไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซันของสินค้าวัสดุก่อสร้าง แต่ในปีนี้เรายังรักษาอัตราการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก มาจากความสำเร็จในการทำตลาดและตราสินค้าที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพจากลูกค้า จึงเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีตัวเลขกำไรสุทธิที่มากกว่ากำไรสุทธิในปี 2561 ทั้งปี” นายสาธิตกล่าว
ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เชื่อมั่นว่าจะรักษาอัตราการเติบโตในระดับเดียวกับช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา จากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่มีประสิทธิภาพ การทำตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การบริหารโปรดักต์มิกซ์มุ่งเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ประกอบกับคำสั่งซื้อสินค้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมายังคงอยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อเป้าหมายในปีนี้เติบโตตามที่วางแผนไว้
