บล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย.มีแนวโน้มฟื้นตัวจากปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน คาดว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงกันได้ และได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หนุนเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น แต่ยังคงแนะจับตาตัวเลขการส่งออก และแบงก์ชาติคาด GDP ไตรมาส 3/62 ต่ำกว่า 2.9% ให้กรอบดัชนี 1,580-1,650 จุด พร้อมคัดหุ้นเด่นเดือน พ.ย. ชู AOT-AP-CPF-IVL-KTB-UNIQ น่าสนใจ
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายนว่ามีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัจจัยบวกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ล่าสุดส่งสัญญาณดีขึ้น คาดว่าการลงนามข้อตกลงฯ “Phase I” ระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ น่าจะช่วยลดข้อขัดแย้งทางการค้าลงได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เช่น ECB กลับมาใช้ QE วงเงิน 20,000 ล้านยูโร/เดือน เริ่มตั้งแต่ พ.ย. 62 เป็นต้นไป และคาดว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการขยายงบดุลอีกครั้ง หลังการประชุมช่วงปลาเดือนที่ผ่านมา (29-30 ต.ค.) ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันของปีนี้ และก็ส่งสัญญาณไม่ปรับลงในระยะสั้นนี้ ส่วนทาง EU เลื่อน Brexit จาก 31 ต.ค. 62 เป็น 31 ม.ค. 63 ซึ่งช่วยลดความกังวลว่าอังกฤษแยกตัวจาก EU แบบ NO Deal
อีกทั้งคาดว่าการประชุม กนง.ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ หากพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลงจะทำให้ Sentiment บวกต่อภาพรวมตลาดฯ รวมถึงกลุ่มอสังหาฯ จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยลดลง แต่อาจกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง คาดช่วยกระตุ้น GDP ในไตรมาส 4/2562 ประมาณ 0.2-0.3% ประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ก.ย. 62 อยู่ที่ 2.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน และดีขึ้น 7% เมื่อ ส.ค. 62 โดยรวมนักท่องเที่ยวจีน 0.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32%จากปีก่อน และดีขึ้นจาก 19% เมื่อเที่ยบกับเดือน ส.ค. 62 ขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 29.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% โดยคาดว่ามีโอกาสเติบโตตามเป้าหมายปี 62 ที่ 40-41 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ธปท.คาด GDP ไตรมาส 3/2562 ต่ำกว่า 2.9% ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และเงินบาทที่แข็งค่า ขณะที่แนะระวังแรงขายทำกำไร หลังหมดช่วงประกาศงบฯ ประมาณกลาง พ.ย.นี้ จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,580-1,650 จุด
พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การลงทุน 1. ในกลุ่ม Global Play เช่น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และกลุ่มพลังงาน ภายใต้ Sentiment บวกจากประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง 2. หุ้นกลุ่มธนาคาร จากราคาที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และซื้อขายต่ำกว่า BV พร้อมกับความน่าสนใจจากเงินปันผล อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงจากผลประกอบการในปี 63 ที่มีแนวโน้มทรงตัว/ลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ และความกังวลตัวเลข NPL 3. กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นต่อเนื่องของภาครัฐ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น และ 4. กลุ่มที่อยู่อาศัย จากการลดค่าธรรมเนียมโอนและจำนอง ลงเหลือ 0.01% สำหรับราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3.0 ล้านบาท คาดช่วยกระตุ้นยอดขายและโอน ดังนั้นจึงคาดหุ้นเด็นประจำเดือน พ.ย.นี้ ประกอบด้วย AOT, AP, CPF, IVL, KTB และ UNIQ