ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยผลการจัดเก็บข้อมูลอสังหาฯ อีสานครึ่งแรกของปี 62 พบอัตราการระบายออกซัปพลายสะสมดีต่อเนื่อง ส่งผลซัปพลายสะสมทั้งบ้านคอนโดฯ ลดลงมาก แจงบ้านจัดสรรอัตราดูดซับเริ่มดีขึ้น ขณะที่โครงการใหม่เข้าตลาดยังไม่มาก ส่งผลสต๊อกที่อยู่อาศัยในตลาดลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ซัปพลายคอนโดฯ สะสมลดลงค่อนข้างมาก หลังผู้ประกอบการเบรกขึ้นโครงการใหม่
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ผลการสำรวจโครงการ 6 เดือนแรกปี 62 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม พบว่า มีโครงการที่ยังอยู่ระหว่างขาย 316 โครงการ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 61 ซึ่งมีโครงการระหว่างการขาย 319 โครงการ หรือลดลง 0.9% โดยมีหน่วยเหลือขาย 13,372 หน่วยลดลง 2.6% จาก 13,727 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 50,967 ล้านบาท ลดลง 11.2% จากมูลค่า 57,417 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งออกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 259 โครงการ ซึ่งมีหน่วยเหลือขาย 10,382 หน่วย มูลค่า 38,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 61 ประมาณ 4.4% แต่จำนวนหน่วยและมูลค่าลดลง 5.0% และ 8.7% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามจังหวัด พบว่า จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 4,549 หน่วย แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง จำนวน 2,934 หน่วย คิดเป็น 64.5% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 940 หน่วย คิดเป็น 20.7% และหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว 675 หน่วย คิดเป็น 14.8% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) หรือเป็นสต๊อกรอการขายในตลาดมีจำนวน 1,615 หน่วย คิดเป็น 35.5%
สำหรับโครงการอาคารชุดที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 1,611 หน่วย แบ่งเป็นห้องชุดที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1,054 หน่วย คิดเป็น 65.4% หน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย 557 หน่วย คิดเป็น 34.6% โดยทำเลอาคารชุดเหลือขายมากที่สุด คือ 1.ทำเลในเมืองนครราชสีมา ซึ่งมีหน่วยเหลือขาย 865 หน่วย มีมูลค่า 1,498 ล้านบาท 2.ทำเลเขาใหญ่ มีจำนวน 368 หน่วย มูลค่า 2,153 ล้านบาท และ 3.ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 200 หน่วย มูลค่า 312 ล้านบาท
ขณะที่ จังหวัดขอนแก่น มีโครงการบ้านจัดสรรเหลือขาย 2,726 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 1,712 หน่วย คิดเป็น 62.8% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 542 หน่วย คิดเป็น 19.9% และหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว 472 หน่วย คิดเป็น 17.3% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขายเป็นสต๊อกพร้อมขายในตลาด 1,014 หน่วย คิดเป็น 37.2% ส่วนโครงการอาคารชุดระหว่างการขายมีจำนวน 547 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย 324 หน่วย คิดเป็น 59.2% รองลงมาเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง จำนวน 128 หน่วย คิดเป็น 23.4% และหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 95 หน่วย คิดเป็น 17.4% หรือมีสต๊อกในตลาด 419 หน่วย คิดเป็น 76.6%
ดร.วิชัย กล่าวว่า โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดอุดรธานี มี 1,392 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 706 หน่วย คิดเป็น 50.7% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 357 หน่วย คิดเป็น 25.6% และหน่วยที่สร้างเสร็จ 329 หน่วย คิดเป็น 23.6% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขายหรือเป็นสต๊อกในตลาดมี 686 หน่วย คิดเป็น 49.3% ส่วนโครงการอาคารชุดที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดอุดรธานี มีจำนวน 174 หน่วย เป็นหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย หรือเป็นสต๊อกในตลาด และเป็นทำเลในเมืองอุดรธานีทั้งหมด มีมูลค่า 368 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ผลการสำรวจโครงการ 6 เดือนแรกปี 62 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม พบว่า มีโครงการที่ยังอยู่ระหว่างขาย 316 โครงการ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 61 ซึ่งมีโครงการระหว่างการขาย 319 โครงการ หรือลดลง 0.9% โดยมีหน่วยเหลือขาย 13,372 หน่วยลดลง 2.6% จาก 13,727 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 50,967 ล้านบาท ลดลง 11.2% จากมูลค่า 57,417 ล้านบาท โดยสามารถแบ่งออกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 259 โครงการ ซึ่งมีหน่วยเหลือขาย 10,382 หน่วย มูลค่า 38,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 61 ประมาณ 4.4% แต่จำนวนหน่วยและมูลค่าลดลง 5.0% และ 8.7% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามจังหวัด พบว่า จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 4,549 หน่วย แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง จำนวน 2,934 หน่วย คิดเป็น 64.5% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 940 หน่วย คิดเป็น 20.7% และหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว 675 หน่วย คิดเป็น 14.8% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) หรือเป็นสต๊อกรอการขายในตลาดมีจำนวน 1,615 หน่วย คิดเป็น 35.5%
สำหรับโครงการอาคารชุดที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 1,611 หน่วย แบ่งเป็นห้องชุดที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1,054 หน่วย คิดเป็น 65.4% หน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย 557 หน่วย คิดเป็น 34.6% โดยทำเลอาคารชุดเหลือขายมากที่สุด คือ 1.ทำเลในเมืองนครราชสีมา ซึ่งมีหน่วยเหลือขาย 865 หน่วย มีมูลค่า 1,498 ล้านบาท 2.ทำเลเขาใหญ่ มีจำนวน 368 หน่วย มูลค่า 2,153 ล้านบาท และ 3.ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 200 หน่วย มูลค่า 312 ล้านบาท
ขณะที่ จังหวัดขอนแก่น มีโครงการบ้านจัดสรรเหลือขาย 2,726 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 1,712 หน่วย คิดเป็น 62.8% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 542 หน่วย คิดเป็น 19.9% และหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว 472 หน่วย คิดเป็น 17.3% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขายเป็นสต๊อกพร้อมขายในตลาด 1,014 หน่วย คิดเป็น 37.2% ส่วนโครงการอาคารชุดระหว่างการขายมีจำนวน 547 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย 324 หน่วย คิดเป็น 59.2% รองลงมาเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง จำนวน 128 หน่วย คิดเป็น 23.4% และหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 95 หน่วย คิดเป็น 17.4% หรือมีสต๊อกในตลาด 419 หน่วย คิดเป็น 76.6%
ดร.วิชัย กล่าวว่า โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดอุดรธานี มี 1,392 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 706 หน่วย คิดเป็น 50.7% รองลงมาเป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 357 หน่วย คิดเป็น 25.6% และหน่วยที่สร้างเสร็จ 329 หน่วย คิดเป็น 23.6% โดยหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จเหลือขายหรือเป็นสต๊อกในตลาดมี 686 หน่วย คิดเป็น 49.3% ส่วนโครงการอาคารชุดที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดอุดรธานี มีจำนวน 174 หน่วย เป็นหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย หรือเป็นสต๊อกในตลาด และเป็นทำเลในเมืองอุดรธานีทั้งหมด มีมูลค่า 368 ล้านบาท
