xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นแบงก์เดี้ยงยกแผง / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ ถูกจัดเป็นหุ้น "บลูชิป" ปัจจัยพื้นฐานดี นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศต้องมีติดไว้ในพอร์ต

ถ้าตลาดหุ้นไม่วิกฤตจริงๆ ราคาหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่จะไม่ผันผวนมากนัก แต่ปีนี้หุ้นกลุ่มแบงก์กลับทรุดหนักยกแผง ถูกถล่มขายนับตั้งแต่ต้นปี จนราคาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปีกันเป็นแถว

การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มแบงก์ เกิดจากความกังวลผลประกอบการชะลอตัว และปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา

ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร 11 แห่งในครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 113.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 2.74% ยอดสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 13.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 ที่มีเอ็นพีแอลทั้งสิ้น 4.43 แสนล้านบาท

เอ็นพีแอลที่เกิดขึ้น ทำให้แบงก์ต้องตั้งสำรอง และไม่สามารถนำเงินไปปล่อยสินเชื่อเพื่อหารายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ย

แม้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อทั้งหมดของระบบธนาคารจะไม่สูงมากนัก โดยมีสัดส่วน 2.95% ต่อสินเชื่อทั้งหมด แต่ความกังวลในปัญหาหนี้เสีย ทำให้ธนาคารทั้งระบบเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และป้องกันความเสี่ยงจากหนี้เสียเต็มตัว ส่งผลให้สินเชื่อไม่เติบโต แม้ความต้องการสินเชื่อจะสูงอยู่ก็ตาม

การควบคุมสินเชื่ออย่างรัดกุม ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยลดลง ผลประกอบการชะลอตัว โดยคาดว่า ไตรมาสที่ 3 ซึ่งกำลังจะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ผลกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะลดลง

แต่สิ่งที่นักลงทุนกังวลกันมากกว่าคือ แนวโน้มหนี้เสีย แนวโน้มเอ็นพีแอลจะพุ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีหน้า

เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว และปีหน้าสถานการณ์อาจเลวร้ายกว่าปีนี้ จีดีพี หรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้หดตัวลง แต่ปีหน้าตัวเลขจีดีพีอาจลดต่ำกว่าปีนี้อีก

สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีสัดส่วนสินเชื่อสูงที่สุด หรือประมาณครึ่งหนึ่งของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง อาจเกิดปัญหาผิดนัดชำระ เช่นเดียวกับสินเชื่อภาคครัวเรือน

เพราะธุรกิจเอสเอ็มอี จะถูกกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ จนเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เช่นเดียวกับสินเชื่อภาคครัวเรือน เพราะรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ไม่เพิ่มขึ้น แต่อาจลดลง และบางส่วนอาจกลายเป็นคนว่างงานโดยถูกเลิกจ้าง ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง

แม้ธนาคารทั้งระบบจะตั้งสำรองไว้เต็มที่ เตรียมตัวรับมือผลกระทบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไว้อย่างดี และคงไม่เกิดปัญหาฐานะทางการเงินซ้ำรอยวิกฤตปี 2540

แต่ผลประกอบการอาจทรุดลงต่อเนื่องจากปีนี้ เพราะสินเชื่อไม่ขยายตัว ขณะที่เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นภาระในการตั้งสำรอง

หุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ โดยค่า พี/อี อยู่ระหว่าง 8-10 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 2% เศษถึง 4% เศษ และสามารถ ซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวได้

แต่แนวโน้มผลประกอบการที่ชะลอตัว แนวโน้มปัญหาหนี้เสีย ได้บั่นทอนความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดย กองทุนและต่างชาติทยอยขายทิ้งอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี

ราคาหุ้นแบงก์ปีนี้ลงมาลึกมาก แต่เพราะความกลัวผลประกอบการที่จะเซตามภาวะเศรษฐกิจทรุด ทำให้เกิดการเทขายเพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน

และ ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวหุ้นกลุ่มแบงก์




กำลังโหลดความคิดเห็น