หุ้นบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC โดดเด่นขึ้นมาทันที หลังพรรคภูมิใจไทย คว้าเก้าอี้ ส.ส. เข้ามาสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย และพลังประชารัฐ
แม้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจะร่วงหนักกว่า 20 จุด หุ้นส่วนใหญ่รูดระนาว กระดานหุ้นแดงฉาน แต่หุ้น STEC กลับเขียวสดใส พุ่งขึ้นสวนทางภาวะตลาด โดยนักลงทุนแห่เข้าซื้อขายเก็งกำไรอย่างคึกคักจนราคาขยับขึ้นไปปิดที่ 23.70 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 70 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 3.04%
พรรคภูมิใจไทยชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับสาม ส่งผลอย่างไรกับ หุ้น STEC นักเก็งกำไรไม่ต้องการคำตอบ แต่กระโดดกันช้อนหุ้นดักเก็งกำไรไว้ล่วงหน้า
หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกจัดอยู่ในหุ้นกลุ่มการเมือง เพราะบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มักจะมีขั้วทางการเมือง
หุ้นบริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ของนายเปรมชัย กรรณสูต เคยขยับขึ้นแรงมาแล้ว เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เพราะนายเปรมชัย มีความสนิทสนมกับพรรคเพื่อไทย จึงเกิดความคาดหมายว่า ITD จะได้รับงานจากโครงการภาครัฐมากขึ้น เมื่อเทียบกับบริษัทรับเหมารายอื่น
หุ้น STEC กลุ่มชาญวีรกูลถือหุ้นใหญ่ เมื่อพรรคภูมิใจไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ "เสี่ยหนู" มีเสียง ส.ส. ที่ชนะการเลือกตั้งและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมประมาณ 50 เสียง และไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชารัฐ จะจัดตั้งรัฐบาล ถ้าไม่มาดึงพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วม คงไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้
พรรคภูมิใจไทยต้องได้เป็นรัฐบาลแน่ๆ และแน่ยิ่งกว่าพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคเพื่อไทยเสียอีก ดังนั้น ในรัฐบาลชุดใหม่ STEC จะเป็นบริษัทรับเหมาที่เติบโต โดยมีโอกาสคว้างานประมูลภาครัฐมากที่สุด
นักลงทุนจึงชิงกันเก็บหุ้น STEC กันฝุ่นตลบ จนมูลค่าซื้อขายพุ่งขึ้นผิดหูผิดตาในช่วงนี้
หุ้น STEC ไม่ค่อยได้หวือหวานัก โดยปกติจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามภาวะตลาด ปัจจัยพื้นฐานไม่โดดเด่นนัก มีค่าพี/อี เรโชประมาณ 22 เท่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 2%
ผลประกอบการหลายปีที่ผ่านมา กำไรเติบโต เว้นแต่ปี 2560 ซึ่งขาดทุน 610.83 ล้านบาท แต่ปี 2561 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 1,161.86 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวนทั้งสิ้น 17,097 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 70.15% ของทุนจดทะเบียน
ถ้าพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน หุ้น STEC ไม่ได้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ปัจจุบันนักลงทุนไม่ได้ตัดสินโดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งนี้ แต่กำลังคาดหมายแนวโน้มผลประกอบการ
เพราะเมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล งานของ STEC อาจล้นมือ รายได้มีโอกาสเติบโตโดดเด่นกว่าบริษัทรับเหมารายอื่นๆ ผลกำไรต้องพุ่งขึ้น
และราคาหุ้น STEC จะต้องไต่ระดับขึ้นไป อาจสร้างจุดสูงสุดใหม่ หลังจากในรอบปีที่ผ่านมา เคยขึ้นไปยืนสูงสุดที่ 25.50 บาท/หุ้น
เช่นเดียวกับหุ้น บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ซึ่งนายอนุทิน ถือหุ้นใหญ่ และราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาอย่างโดดเด่น ตีคู่กับหุ้น STEC ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ จะเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการที่พรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล
คงต้องเฝ้าจับตาดูกันว่า เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลแล้ว หุ้น STEC และหุ้น STPI จะเกิดอภินิหารอะไรบ้าง งานจะเข้ามาล้นมือ รายได้จะเติบโต กำไรพุ่งกระฉูดตามที่คาดหมายไว้หรือไม่
แต่นักลงทุนไม่รอดูคำตอบแล้ว ไล่ช้อน STEC และ STPI กันอุตลุด ดักเก็งกำไรหุ้น "เสี่ยหนู" ไปล่วงหน้า
เพราะมั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทยต้องเป็นรัฐบาลแน่ และเมื่อเป็นรัฐบาล หุ้น STEC และ STPI จะซึมอยู่แถวนี้ได้อย่างไร