xs
xsm
sm
md
lg

FETCO ชี้ความเชื่อมั่นนักลงทุนหดรอบ 5 เดือน เหตุหวั่นสงครามการค้าสหรัฐ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีฯ เดือนพฤศจิกายน 2561 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนแรกในรอบห้าเดือนอยู่ในโซนทรงตัว จากความกังวลนโยบายทางการค้าและนโยบายทางการเงินของสหรัฐฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนมองผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุน

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนกังวลผลกระทบนโยบายทางการค้าและนโยบายทางการเงินของสหรัฐ ขณะที่มองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและภาวะเศรษฐกิจในประเทศหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน

โดยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2562) ลดลงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (Neutral) (ช่วงค่าดัชนี 120 - 160) โดยลดลง 7.23% อยู่ที่ระดับ 113.73 ขณะที่ดัชนีกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน มาอยู่ที่ Zone ทรงตัวส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยยังคงอยู่ที่ Zone ร้อนแรง (Bullish) นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) ด้านหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) และ หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) ส่วนปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

"ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนตุลาคม มีทิศทางปรับตัวลดลงตามการปรับตัวลดลงของดัชนีดาวน์โจนส์ที่มีการปรับฐานลดลงประมาณ 10% ขณะที่นักลงทุนกังวลผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ และ Bond Yield 10 ปี ที่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 3% รวมถึงการติดตามท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐต่อนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยดัชนีฯลดลงต่ำสุดที่ 1596 จุด ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1640-1660 จุดในช่วงปลายเดือน"

ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และความเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจของไทยที่สศค.คาดการณ์ว่า GDP Growth ยังคงอยู่ที่ระดับ 4.5% แม้ว่าตัวเลขการส่งออกเดือนกันยายนจะปรับตัวลดลง 5.2% เป็นเดือนแรกก็ตาม โดยนักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าการเจรจานโยบายทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นปัจจัยความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนติดตาม นอกจากนี้ ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ ภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ทยอยออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายลดภาษีบุคคลธรรมดา การออกมาตรการกองทุนพยุงหุ้นของสมาคมหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องของจีน ภาวะเศรษฐกิจของยุโรปโดยเฉพาะกรณีคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ประกาศไม่เห็นชอบร่างงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลดลงแม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งจะจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านเข้าสู่ตลาดน้ำมันดิบโลกก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น