บล. โกลเบล็ก แนะจับตาสถานการณ์พันธมิตรของสหรัฐฯ คว่ำบาตรอิหร่าน ในวันที่ 4 พ.ย.2561 ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น บวกปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง ให้กรอบดัชนี 1,600-1,650 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นปลอดภัยราคาหุ้นปรับตัวน้อยกว่า SET และยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลมากกว่า 5% และหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มส่งออก ส่วนราคาทองคำมีลุ้นขึ้นต่อ จากความกังวลปัญหาสงครามการค้า และความไม่สงบในตะวันออกกลาง ให้กรอบลงทุน 1,215-1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะใกล้ถึงกำหนดวันที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ คว่ำบาตรอิหร่าน (4 พ.ย.) และมีหลายประเทศส่งสัญญาณลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบโลกตึงตัวมากขึ้น รวมถึงทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ประจำเดือน ก.ย.61 และไตรมาส 3/2561 มีการขยายตัวจากอุปสงค์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยการบริโภคภาคเอกชนยังคงส่งสัญญาณบวกจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยังขยายตัวได้ดี โดยยังคงคาดการณ์ GDP ไทยปี 61 โต 4.5% แม้ปรับลดส่งออกเหลือโต 8% และคาดการณ์ว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร จะเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงปลายปี
ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ อาทิ ประเด็นความกังวลหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มยูโรโซน กลับมาอีกหลังจากรัฐบาลอิตาลี จัดทำงบประมาณขาดดุลที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ทั้ง S&P และมูดี้ส์ ต่างประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่จบและส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ Fund Flow ยังคงไหลออก นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.7 แสนล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 30 ต.ค. อียู เปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ GDP ไตรมาส 3 (ประมาณการเบื้องต้น) ส่วนสหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีราคาบ้านเดือน ส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค., วันที่ 31 ต.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย, ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียู เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือน ต.ค. และอัตราว่างงานเดือน ก.ย., สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค. และสต๊อกน้ำมัน
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาในช่วงต้นเดือน พ.ย. ธปท.ประกาศหลักเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย และในวันที่ 1 พ.ย. จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน ต.ค., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงิน สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน ต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือน ต.ค., วันที่ 4 พ.ย. กำหนดวันที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ คว่ำบาตรอิหร่าน วันที่ 6 พ.ย. วันเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา กลางเทอมของสหรัฐฯ และในวันที่ 7-8 พ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ผันผวนในกรอบ 1,600-1,650 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้น “Low Beta, High Dividend” ซึ่งคัดสรรจากหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 และ Dividend Yield มากกว่า 5% ได้แก่ ANAN, PSH, QH, ASK, TISCO, KKP, SPRC, TOP และ TKS รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องหนุนกลุ่มส่งออก แนะนำ CPF, SVI, XO และ KCE
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ปัจจัยจากสงครามการค้าโลกยังคงเป็นตัวหนุนให้มีการโยกเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะทองคำ ประกอบกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทั้งจากประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดิอาระเบีย และจากการที่สหรัฐฯ บีบให้นานาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลให้ยอดซื้อสะสมของกองทุนทองคำ SPDR กลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำโดยรวมยังคง มีแรงกดดันของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อยๆ แกว่งตัวขึ้น ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ได้ช่วยหนุนราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น ประเมินกรอบการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ อยู่ระหว่าง 1,215-1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ แนะนำให้เน้น swing long ในกรอบดังกล่าว หากราคาทะยานขึ้นเหนือ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้ที่ถือเล่นรอบระยะกลางควรปิดทำกำไร และหากราคาหลุดลงต่ำกว่า 1,215 ดอลลาร์สหรัฐฯ แนะนำปรับมาเล่น swing short