บล. โกลเบล็ก เผยภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้อานิสงส์การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแผนระดมทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปัจจัยลบกดดันการลงทุนยังคงเป็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน มีท่าทียืดเยื้อต่อไปอีก จึงให้กรอบดัชนี 1,685-1,745 จุด แนะเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ Q2/61 เติบโตดี
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ มีปัจจัยบวกมาจาก กระทรวงการคลังประกาศเดินหน้าแผนระดมทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างทางด่วน คาดจะจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 นี้ ประกอบกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือน ก.ย. รวมถึงนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสลับมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.ค. เป็นต้นมา และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่ดี อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจาก สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน มีท่าทียืดเยื้อ จากการที่จีนประกาศจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25% หลังสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน เพิ่มจากเดิมที่จะเก็บในอัตรา 10% และราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเนื่องจากตลาดมีความกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาดจากปริมาณการผลิตน้ำมันจากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ขณะที่สงครามการค้าอาจลดอุปสงค์การใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ ในวันที่ 8 ส.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วน กสทช. เปิดให้ยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมการประมูล จับตา DTAC, ADVANC, TRUE ว่าจะเข้ายื่นประมูลคลื่นหรือไม่ และในวันที่ 9 ส.ค. จีนเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.ค. ส่วนสหรัฐฯ จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.ค. และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน มิ.ย.
และในวันที่ 10 ส.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผย GDP ไตรมาส 2/2561 อังกฤษเปิดเผย GDP ไตรมาส 2/2561 และสหรัฐฯ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค. และวันที่ 14 ส.ค. เป็นวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินงวดไตรมาส 2/2561
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนขึ้น คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,685-1,745 จุด แนะเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2561 เติบโตดี ได้แก่ BANPU, BPP, JUBILE, DELTA, SVI, CPF,LH, ANAN, ROJNA, TPIPP และ WHAUP รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น ได้แก่ TOP, SPRC และ IRPC นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุนในหุ้น High Beta High Dividend ได้แก่ TPIPP, HTC, IRPC, UTP, TKN, SEAFCO, WICE, ORI และ RS
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดว่า ราคาทองคำ และค่าเงินบาท จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอังกฤษ ได้ผ่านพ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากการที่ Fed ดึงเงินกลับเพื่อลดงบดุล ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า แต่ความเสี่ยงของสงครามการค้าโลกที่มีสัญญาณทวีความรุนแรงขึ้น ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
ซึ่งส่งผลดีต่อราคาทองคำ ทำให้ในระยะสั้นกรอบราคาทองคำจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงที่กำลังหาจุดกลับตัว โดยมองว่า ราคาไม่ควรหลุดแนวรับจิตวิทยาที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบช่วง 1,220-1,225 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่จะเป็นสัญญาณซื้อแรกสำหรับการกลับเป็นขาขึ้น
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงมองว่า การอ่อนตัวลงใกล้ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสให้พอร์ตระยะกลางถึงยาวเข้าทยอยซื้อสะสมเพื่อเล่นรอบ หรือถือลงทุน แต่ถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนควรเลือก short against port หรือเปิดสถานะ short แล้วรอจังหวะซื้อคืนในภายหลัง ส่วนพอร์ตระยะสั้น แนะนำให้รอจังหวะ follow เมื่อ breakout จากกรอบ 1,200-1,225 ดอลลาร์