โบรกเกอร์นอกบุกขายอสังหาฯไทย ทำวงการโบรกเกอร์ไทยระส่ำ เร่งปรับตัวรับมือ ด้านโบรกเกอร์มืออาชีพยันไม่กระทบ พร้อมวางกลยุทธ์การตลาดตั้งแต่เริ่มพัฒนาโครงการ ไม่ใช่แค่ขายอย่างเดียว ชี้ตลาดอสังหาฯ ไทยใหญ่มากจนไม่ต้องแย่งแชร์ตลาดกัน แถมโบรกเกอร์นอกเข้ามาช่วยระบายสต๊อก
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปกลายเป็นยุคสังคมออนไลน์ ลูกค้าเลือกซื้อบ้านผ่านอุปกรณ์สื่อสารหรือบนมือถือ นอกจากนี้ ชาวต่างชาติเองก็เริ่มหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชาวเอเชีย, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นต้น การตลาดอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบันจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น และที่กำลังจะมาในอนาคตอันใกล้
สำหรับบริษัทที่แสดงให้เห็นชัดถึงการขายผ่านออนไลน์เป็นกอบเป็นกำ คือ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ที่มียอดขายผ่านออนไลน์สูงถึง 300 ยูนิต โดยเฉพาะโครงการไลฟ์ สุขุวิท 62 ที่นำ 144 ยูนิต จากทั้งหมด 438 ยูนิตมาขายผ่านระบบออนไลน์ปรากฏว่าสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดในเวลาไม่นาน ส่วนบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) มียอดขายชาวต่างชาติในช่วง 6 เดือน สูงกว่า 6,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 13,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 40% ที่มียอดขายต่างชาติทั้งปี 9,300 ล้านบาท
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์หรือโบรกเกอร์ ในปัจจุบันยังถือว่าไม่ได้รุนแรงมากนัก แม้ว่าจะมีกลุ่มโบรกเกอร์จากต่างชาติเข้ามานำอสังหาฯ ไทยไปขายยังต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการเองก็ได้นำอสังหาฯ ของตนเองไปขายยังต่างประเทศก็ตาม เนื่องจากมูลค่าตลาดอสังหาฯ ของไทยใหญ่มาก สัดส่วนที่จะสามารถนำไปขายยังต่างประเทศก็ยังมีส่วนน้อย ขณะที่มูลค่าตลาดที่มีการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ก็ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเช่นกัน
“การที่โบรกเกอร์เข้ามานำอสังหาฯของไทยไปขายยังต่างประเทศ ถือว่าเป็นการช่วยกันขายมากกว่า โดยเฉพาะในโครงการที่มีขนาดใหญ่ หรือโครงการที่มีการขายช้า ซึ่งหลายโครงการประสบความสำเร็จมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ทำตลาดเฉพาะคนไทย หรือขายเฉพาะในเมืองไทย แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายไทยได้กำหนดในต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดได้ไม่เกิน 49% และที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่โครงการที่มียอดขายชาวต่างชาติเต็มเพดาน 49% ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ไม่เกิน 30% ส่วนที่เหลือก็ทำการตลาดขายให้กับคนไทย” นางนลินรัตน์ กล่าว
สำหรับการเข้ามาของโบรกเกอร์ต่างชาตินั้น หรือการแข่งขันของโบรกเกอร์ไทยด้วยกันเอง ส่วนหนึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราได้เห็นรูปแบบการทำการตลาดแบบใหม่ มีบริการที่หลากหลาย ทำให้โบรกเกอร์ไทยได้เรียนรู้ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการดำเนินงาน หรือการทำการตลาดของแต่ละบริษัท จะมีรูปแบบที่แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
นอกจากนี้ การเป็นตัวแทนจำหน่าย ไม่ใช่แค่ขายอย่างเดียว แต่บริษัทจะร่วมวางแผน และออกแบบการทำการตลาดร่วมกับเจ้าของโครงการ ตั้งแต่สำรวจความต้องการของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย รูปแบบฟังก์ชันการใช้งานที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต้องการ เป็นมากกว่านอกจากนี้ในยุคปัจจุบันยังมีแผนสำหรับการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งการทำสื่อออนไลน์ฯ ต้องมีคอนเทนท์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มีรายละเอียดชัดเจนที่ลูกค้าอยากรู้ แม้กระทั้งอัตราค่าเช่า การปรับขึ้นของค่าเช่า อัตราการปรับขึ้นของราคาอสังหาฯในย่านนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกค้าจะเลือกที่จะดูโครงการผ่านสื่อออนไลน์มาแล้ว แต่ก็ยังต้องการพบพนักงานขายโครงการ เพื่อสอบถามในหลายประเด็น ดูสถานที่โครงการจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนตัดสนใจซื้อ
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า การที่ตลาดอสังหาฯของไทยเปิดกว้างมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติเข้ามาซื้อผ่านโบรกเกอร์จากต่างชาติ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำการตลาด ทำให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น ราคาอสังหาฯ ของไทยปรับขึ้นสูงตลาดราคาที่ดิน โดยเฉพาะในทำเลในเมือง และเมื่อราคาแพงขึ้น ค่าบริหารการขายก็จะสูงขึ้นตาม
“เราไม่กลัวการเข้ามาของโบรกเกอร์ต่างชาติ เพราะพลัส จะเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ประกอบการบางโครงการตั้งแต่การเลือกทำเลในการพัฒนา วางแผนการตลาดร่วมกัน เป็นที่ปรึกษาอย่างมืออาชีพ แม้กระทั่งรูปแบบโครงการฟังก์ชันการใช้งานภายใน นอกจากนี้ ยังช่วยสร้าง Brand Value ให้กับบริษัทของลูกค้าอีกด้วย โดยการวิเคราะห์ตลาด และวางแผนกลยุทธ์เชิงลึก เพื่อพัฒนาโครงการให้มีจุดเด่น และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะแตกต่างจากโบรกเกอร์ต่างประเทศที่จะมาช่วยการการขายที่เป็นโควต้าแก่ชาวต่างชาติเท่านั้น” นางสาวสมสกุล กล่าว
ขณะเดียวกัน พลัสฯ ได้เตรียมตัวรองรับการแข่งขัน และพัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360 พัฒนาศักยภาพของพนักงานขายให้แข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาแสดงผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย และชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ใช้วิธีการขายที่หลากหลาย และครอบคลุม เช่น การทำ Co-Agent เพื่อขยายฐานลูกค้า และสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
ส่วนอีกหนึ่งบริษัทที่ทำการปรับเปลี่ยนองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดยุคดิจิตัล นั้นคือบริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด โดยระบุว่า จากทิศทางที่ปรับเปลี่ยนทั้งด้านเทคโนโลยี ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค บริษัทจึงต้องวาง Policy และปรับตัวเพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ และแข่งขันได้ ซึ่ง Century 21 ได้ร่วมมือกับ บริษัท Startup ด้านการพัฒนา Digital Platform จากนิวซีแลนด์ ในการพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ และระบบ Back Office ต่างๆ ที่จะช่วยซัปพอร์ตในการทำงาน และสะดวกต่อการใช้งานให้กับเอเจนท์ของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งตามนโยบาย Agent Centric พัฒนา Web Application นำระบบ GIS มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการด้านที่ดิน Land & Investment โดยมีการทำงานร่วมกับ Prop Tech เพื่อพัฒนาเครื่องมือให้เหมาะสมกับวิธีการทำงานของบริษัท.