หุ้นไทยปิดลบ 6.97 จุด ตามตลาดในต่างประเทศ หลังสหรัฐฯ ลั่นเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แนะติดตามสงครามการค้า
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียต่างปรับลงถ้วนหน้า และตลาดยุโรปติดลบราว 1% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สลงไปกว่า 200 จุด เป็นการผลจากสงครามการค้า หลังผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 10% ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร ซึ่งยังไม่ได้สิ้นสุด และคงจะต้องรอดูความคืบหน้าต่อไป แต่เบื้องต้น ส่งผลกระทบต่อเงินหยวน และเงินบาทอ่อนค่าทำให้กระแสเงินทุนไหลออก
สำหรับตลาดบ้านเรา ช่วงเช้าดัชนีย่อตัวลงมากตามตลาดภูมิภาค แต่ต่อมาก็พยายามดีดตัวขึ้นมา ทำให้สามารถลดช่วงลบลงไปได้ ทำให้แข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาค เชื่อว่าตลาดฯ คงจะได้แรงพยุงจากการเข้าซื้อของกองทุน โดยวานนี้ (10 ก.ค.) กองทุนก็ซื้อสุทธิกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,636.63 จุด ลดลง 6.97 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.42% มูลค่าการซื้อขาย 44,493.49 ล้านบาท ด้านประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 198.66 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 138.33 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 766.58 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 429.58 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯ มีลุ้นรีบาวนด์ทางเทคนิค โดยมีแนวรับ 1,628 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด พร้อมแนะติดตามความคืบหน้าสงครามการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะท่าทีของทางการจีน ว่าจะมีการตอบโต้อย่างไร และติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
