นักลงทุนแห่ทิ้งหุ้นไทย เพื่อรอดูมาตรการกีดกันการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ พรุ่งนี้ (6 ก.ค.) ปิดตลาดที่ 1,601.42 จุด ลดลงกว่า 27.78 จุด หรือ 1.71% มูลค่าการซื้อขายรวม 5.56 หมื่นล้านบาท ขณะที่ “บิวตี้ฯ” ยังถูกถล่มอย่างหนัก ร่วงต่ออีก 20.88% ปิดที่ 7.20 บาท โบรกเกอร์แนะขายทิ้ง เหตุราคาโอเวอร์-ผลงานไตรมาส 2 ทรุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ก.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดซื้อขายช่วงเช้า และเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่ลดลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุดอีกครั้ง แตะระดับต่ำสุดที่ 1,596.55 จุด สูงสุดที่ 1,628.79 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,601.42 จุด ลดลง 27.78 จุด หรือคิดเป็น 1.71% มูลค่าการซื้อขายรวม 55,699.12 ล้านบาท
นักลงทุนต่างประเทศ ยังคงขายสุทธิ 1,345.27 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 370.88 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 62.46 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 1,778.61 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ราคาปิดที่ 7.20 บาท ลดลง 1.90 บาท หรือคิดเป็น 20.88% มูลค่าการซื้อขาย 11,511.25 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.14% มูลค่า 3,634.72 ล้านบาท และบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ปิดที่ 53.75 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 5.29% มูลค่า 2,349.81 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างหนัก เพื่อรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 ก.ค. นี้ รวมถึงกระแสข่าวลบของ บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ มีแรงเทขายหุ้นอย่างหนัก และกดดันราคาร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 จากความกังวลผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ อาจจะประสบปัญหาเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับราคาหุ้น บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ ที่ปรับตัวลดลงสองวันติดต่อกันนั้น บทวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายแห่งได้แนะนำให้ “ขาย” BEAUTY จากกังวลกับแนวโน้มการเติบโตของ BEAUTY มากขึ้น โดยเฉพาะกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ชะลอตัวหนัก และผลของการคุมเข้มสินค้า และโรงงานผลิตเครื่องสำอางของ อ.ย. ที่ทำให้การออกสินค้าใหม่ล่าช้า จึงปรับลดกำไรปีนี้ลง 26% เหลือ 1,168 ล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน พร้อมทั้งเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าจากเดิม DCF เป็น Relative PE ที่ 18 เท่า เพราะกำไรระยะยาวเริ่มคาดการณ์ได้ยากขึ้น ได้ราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 7 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต้องระวังกองทุนเตรียมเทขายหุ้นออกมา เนื่องจาก BEAUTY มีโอกาสหลุด SET 100 ให้หากอิงจากมูลค่ามาร์เกตแคปที่ 27,036 ล้านบาท จากอดีตเคยมีมาร์เกตแคปที่ 69,092 ล้านบาท