บล. ฟินันเซียไซรัส ผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์เวียดนามผ่านอินเตอร์เน็ต ภายใต้ชื่อ VNtrade รายแรกของประเทศไทย จัดทัพบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ร่วมให้ข้อมูลกับนักลงทุนภายในงาน “Vietnam Opportunity Day 2018” พร้อมฉายภาพการลงทุนในเวียดนามยังน่าสนใจลงทุน โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก หรือหุ้นไอพีโอ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจที่ดี
นางพรพริ้ง สุขสันติสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยว่า หลังจากที่ FSS ได้ลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัทหลักทรัพย์ วีเอ็น ไดเรคเร็ค (VN Direct Securities) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำในประเทศเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา โดยให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์เวียดนามผ่านอินเทอร์เน็ต ภายใต้ชื่อ VNtrade เป็นรายแรกของประเทศไทย
ล่าสุด FSS ตอกย้ำศักยภาพความสำเร็จโดยนำบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม อาทิ Hua Phat Group Joint Stock Company (HPG), Vingroup Joint Stock Company (VIC), Vincom Retail Joint Stock Company (VRE) รวมถึงบริษัทที่คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามร่วมให้ข้อมูลกับนักลงทุน ภายในงาน “Vietnam Opportunity Day 2018” การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จัดให้มีการให้ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนต่างชาติกับนักลงทุนรายย่อยของบริษัทฯ เป็นการเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมา การจัดงานในลักษณะดังกล่าวจะเน้นเฉพาะกลุ่มลูกค้าสถาบันเท่านั้น
สำหรับการจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่จัดงานในรูปแบบคล้ายคลึงกับการให้ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในไทย (Opportunity Day) เพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ดีขึ้น รวมถึงยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ต่อการใช้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านบริษัทมากขึ้นด้วย
ปัจจุบัน บล. ฟินันเซียไซรัส เป็นโบรกเกอร์รายเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์เวียดนามผ่านอินเตอร์เน็ต นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเวียดนามได้ด้วยตนเอง
ขณะเดียวกัน ทางด้าน Mr. Anirban Lahiri หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ วีเอ็น ไดเรค ได้ร่วมบรรยายสรุปถึงสภาพเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในตลาดเวียดนามสำหรับครึ่งปีหลัง โดยฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม แม้ดัชนี VN Index จะปรับฐานในไตรมาสที่ 2 เนื่องมาจากความร้อนแรงของตลาดในช่วงไตรมาสที่ 1 ซึ่งดัชนี VN Index เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เปอร์เซนต์ แต่กลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นการหาหุ้นขนาดกลาง-เล็ก หรือบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจที่ดี มีมูลค่าไม่แพงนัก เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อในประเทศที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น