SCBS ตั้งเป้าขึ้น TOP 3 ภายใน 3 ปี มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 5% มุ่งเน้นการลงทุนผ่านออนไลน์ ตั้งเป้ากำไรปีนี้กว่า 600 ล้านบาท
บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ตั้งเป้าขึ้น TOP 3 ภายใน 3 ปี ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5% โดยมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามาถในการแข่งขันทุกด้าน โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า มุ่งสู่เป้าหมายของการเป็น “บริษัทหลักทรัพย์ที่น่าชื่นชมที่สุด” (The Most Admired Broker) โดยจะมุ่งพัฒนาบุคลากร กระบวนการให้คำแนะนำ รวมถึงระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้คำแนะนำที่ตรงกับลูกค้าในเวลาที่ลูกค้าต้องการ ด้วยแพลตฟอร์มด้านการลงทุน ชื่อว่า “EASY INVEST” รวมผลิตภัณฑ์บนจอเดียว เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเชื่อมต่อการลงทุนได้ทุกรูปแบบทั้งหุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, Mutual Fund, Derivative, Bond, Algo Trading, Robo Advisor และอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางเดียว
รวมถึงการพัฒนาบทวิจัยและนำส่งบทวิจัยและคำแนะนำให้นักลงทุนแต่ละราย ให้เหมาะสมกับพอร์ตการลงทุน ซึ่งในปีนี้บริษัทเน้นเจาะฐานลูกค้าผู้มีรายได้มั่งคั่ง (Wealth) ที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยตั้งเป้ามีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 2 แสนบัญชีภายในปีนี้จากปัจจุบัน 1 แสนบัญชี
นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBS กล่าวว่า จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างสมดุลสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ปัจจุบันที่ 65% และธุรกิจอื่น 35% ให้อยู่ในระดับ 50:50 โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการด้านอื่นๆ มากขึ้น ทั้งการให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ การลงทุนในต่างประเทศ การให้บริการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) โดยปัจจุบัน บริษัทก้าวขึ้นสู่เป็นผู้ออก DW ที่ครอบคลุมหุ้นอ้างอิงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะเชื่อว่าในระยะยาว การใช้งานผ่านช่องทางนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะนี้บริษัทได้เปิดให้บริการรับฝากตราสารหนี้ (Bond) ในระบบ Scriptless ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวใบตราสารหนี้สูญหาย อีกทั้งมีบริการแจ้งดอกเบี้ยที่จะเข้าบัญชีล่วงหน้ารวมถึงตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดในแต่ละเดือน พร้อมบทวิเคราะห์แบบมีออาชีพ บริการดังกล่าวเป็นบริการ ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มให้บริการมา 3 เดือน มีผู้ลงทุนนำตราสารหนี้มาฝากมากกว่า 5 พันล้านบาท และน่าจะเกิน 1 หมื่นล้านบาทก่อนสิ้นปี
นอกจากนี้ บริษัทยังปรับปรุงบริการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ (Foreign Investment) เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศพร้อมบทวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลกจาก Morningstar พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมถูกที่สุด ในตลาดเทียบเท่ากับการซื้อขายหุ้นไทย ไม่มีขั้นต่ำ ไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศอีกทั้ง ฟรีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นต่างประเทศอีกด้วย
“แผนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้บรรลุกผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ บุคลากร โดยปัจจุบัน บล. ไทยพาณิชย์ มีทีมบริหารงานคุณภาพพร้อมด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะสามารถมุ่งสู่การเป็น “บริษัทหลักทรัพย์ที่น่าชื่นชมที่สุด” ด้วยบริการ ผลิตภัณฑ์ และช่องทางที่ตอบสนองนักลงทุนได้ดีที่สุดอย่างครบวงจร โดยปีนี้ตั้งเป้ากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท” นายกัมพล กล่าว