ปิดร่วง 25.14 จุด แรงขายหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันร่วงแรง ขณะเดียวกัน ก็วิตกสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ฉุดดัชนีปิดต่ำสุดเกือบ 9 เดือน ด้านต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2.8 พันล้าน ด้าน ปตท. หั่นงบปี 61 จาก 2.4 แสนล้าน เหลือ 2.2 แสนล้าน
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนแอตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบกัน หลักๆ มาจากหุ้นในกลุ่มพลังาน ที่ปรับตัวลงนำตลาดฯ หลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง จากคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน และยังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯด้วย หลังจากมีการเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีระหว่างกัน ซึ่งได้กดดันสงครามการค้า และทำให้ดัชนีฯหลุดแนว 1,700 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเรามองว่า Downside ไม่กว้างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังดีอยู่ ดังนั้น จึงแนะนำให้ลงทุนหุ้นพวก Domestic Plays
ทั้งนี้ สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ ซึ่งตลาดฯ คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย และในวันที่ 22 มิ.ย. ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก ซึ่งจะมีการหารือกันในเรื่องจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,679.68 จุด ลดลง 25.14 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.47% มูลค่าการซื้อขาย 51,882.68 ล้านบาท ด้านประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,829.39 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 355.00 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,806.84 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,991.24 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะซึมๆ อยู่ และยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,675 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด
*** ปตท.หั่นงบลงทุนปีนี้เหลือ 2.2 แสนล้าน
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 61 ได้อนุมัติให้ปรับลดแผนการลงทุนปี 61 จาก 246,613 ล้านบาท เป็น 221,294 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับลดแผนการดำเนินงานการลงทุนในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการดำเนินงาน และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
