กรมสรรพสามิต รายงานผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามกฏหมายสรรพสามิตปี 60 ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 8-14 มิ.ย. 61 ได้ทั้งสิ้น 869 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.22 ล้านบาท
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2561 (ระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายน 2561) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 869 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.22 ล้านบาท โดยแยกเป็น - สุรา จำนวน 463 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 3.56 ล้านบาท ยาสูบ จำนวน 298 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 3.34 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีคดีไพ่ 27 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.32 ล้านบาท, น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 30 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.81 ล้านบาท, น้ำหอม 2 คดี คิดเป็นค่าปรับ 0.01 ล้านบาท, รถจักรยานยนต์ 26 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ จำนวน 0.30 ล้านบาท, และสินค้าอื่นๆ 23 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับ 0.88 ล้านบาท โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 3,151.115 ลิตร ยาสูบ 6,122, ซองไพ่ 975 สำรับ, น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 60,718 ลิตร, น้ำหอม 137 ขวด รถจักรยานยนต์ 17 คัน
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ปณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ และจะมอบสินบนนำจับให้ ภายหลังจากคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนั้น ถือเป็นการดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตราย และส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป