“SELIC” เผยรายได้ไตรมาส 1/2561 เติบโต 3.4% สะท้อนความต้องการกาวในอุตสาหกรรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่อเนื่อง ผลักดันรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กาวหลอมร้อน (hotmelt) แตะ 53.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 37.25 ล้านบาท ระบุกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นจาก ไตรมาส 4/2560 จากระดับ 23.32% เป็น 24.88% หลังต้นทุนขายลดลง 11.6%
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 (ม.ค.-มี.ค. 2561) มีรายได้จากการขาย จำนวน 142.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 มีรายได้อยู่ที่ 137.62 ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้ถือเป็นการยืนยันถึงความต้องการกาวในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ดังนั้น บริษัทฯ คาดรายได้ปี 2561 จะเติบโตดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 595 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค. 2561) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในประเทศอยู่ที่ 89.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 85.74 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2560
ขณะที่รายได้จากการขายต่างประเทศอยู่ที่ 53.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2560 ที่ทำได้ 51.88 ล้านบาท โดยฤดูตลาดต่างประเทศ เป็นฤดูเริ่มต้น ซึ่งจะพบว่ารายได้ขายจากต่างประเทศจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นจนดีที่สุดในไตรมาสสุดท้ายของปี
“รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กาว โดยเฉพาะกาวหลอมร้อน (hotmelt) อยู่ที่ 53.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 ที่ 37.25 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการของตลาดกาวหลอมร้อน (hotmelt) ที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังพบว่าต้นทุนการขายลดลงมาอยู่ที่ 106.91 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 11.6% จากไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ 120.93 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นจาก Q4/60 จากระดับ 23.32% เป็น 24.88% อย่างไรก็ตาม ในแง่ของมูลค่ากำไรขั้นต้นลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยคิดเป็น 3.7% ซึ่งเป็นผลมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลานี้”
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 11.2% จากไตรมาสก่อน และ18.2% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากได้มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์องค์กร โดยการปรับแผนกขาย และปรับกำลังคน เพื่อให้สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้มากขึ้น