“โคมัตสุ” ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องจักรกลหนักสำหรับงานก่อสร้าง ชี้ตลาดเครื่องจักรกลหนักไทยปี 61 ไม่กระเตื้อง ภาคการก่อสร้างชะลอตัว แม้แน้วโน้มเศรษฐกิจจะเติบโต เหตุข่าวการเลือกตั้งปี 62 ส่งผลผู้ประกอบการรอความชัดเจนโครงการก่อสร้างต่างๆ จากทางภาครัฐ “โคมัตสุ” แจงเน้นกิจกรรมการตลาด มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ เผยแผนขยายธุรกิจการบริการควบคู่ในภาวะการแข่งขันสูง
นายประณิธาน พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกโคมัตสุเซลล์ จำกัด กล่าวว่า หลังจบไตรมาสแรกของปี 61 ตัวเลขยอดขายตลาดเครื่องจักรกลหนักยังทรงตัว ไม่มีการเติบโตขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจากการรายงานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่า GDP จะเติบโตประมาณ 3.9% และเติบโตต่อเนื่องในปี 62 ประมาณ 3.7% แต่ทว่าเมื่อพิจารณาอัตราการลงทุนในภาคการก่อสร้าง พบว่ามีการชะลอตัวทั้งในส่วนของเอกชน และภาครัฐ
“แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่า ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตขึ้น แต่ในธุรกิจของการก่อสร้างนั้น ไม่ได้เป็นไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจ มีการชะลอตัวการลงทุนในภาคของการก่อสร้าง ประกอบกับการประกาศเลือกตั้งในปีหน้า ทำให้อาจจะมีความไม่ชัดเจนในด้านการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ลงทุนยังชะลอการตัดสินใจการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนจากนโยบายของภาครัฐ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องจักรกลหนักโดยตรง ทำให้คาดการณ์ว่าในปีนี้ธุรกิจจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว”
นายประณิธาน กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลหนักในปี 60 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 14,500 ล้านบาท โดยโคมัตสุ มียอดขายเป็นมูลค่าอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 25.7% ส่วนในปี 61 จากเหตุผลการชะลอตัวภาคการก่อสร้าง ทางโคมัตสุ ยังตั้งเป้ายอดขายว่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีที่ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ตลาดในปี 61 จะทรงตัว แต่โคมัตสุ ยังคงจะต้องมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะตลาดในปีนี้การแข่งขันยังสูงอยู่ โดยทางด้านผลิตภัณฑ์บริษัทยังคงมุ่งที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากระบบ KOMTRAX ที่เป็นระบบที่ช่วยในการบริหารเครื่องจักรแล้ว ในปีนี้ยังได้พัฒนาระบบ CARTE เป็นระบบฐานข้อมูลเครื่องจักรที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเครื่องจักร ตั้งแต่เริ่มใช้จนถึงปัจจุบัน เช่น KOMTRAX, PM, KOWA ข้อมูลการบำรุงรักษา ระบบนี้ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกๆ ด้านของเครื่องจักรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการวางแผนการใช้งาน การวางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราทำควบคู่ไปกับการขาย และอยู่ในแผนการดำเนินธุรกิจของเรามาโดยตลอด คือ การดูแลเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งก่อน และหลังการขาย โดยเฉพาะบริการหลังการขาย เนื่องจากสินค้าเครื่องจักรเป็นสินค้าที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เราจึงมีการดูแลเครื่องจักรของลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน (Total Life Cycle Support) ผ่านบริการต่างๆ ที่เราคิดขึ้นมาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ B-Connect Warranty และระบบ Carte”
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาช่องทางใหม่ในการให้บริการแก่ลูกค้า โดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าของเรา ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ขยายและเปิดศูนย์บริการของเราหลายจุด เช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, นครสวรรค์ และศูนย์แห่งใหม่ที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมทีมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทั่วถึง