กรุงศรี เดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นหลังไตรมาสแรกสินเชื่อเติบโตได้ 14.5% เชื่อภาพรวมเศรษฐกิจโตดีช่วยดันสินเชื่อโตต่อได้ มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าญี่ปุ่น เน้นกลุ่มลูกค้าใหม่-อีอีซี
นายมาซาอากิ ซูซูกิ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น (JPC/MNC) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ JPC/MNC ประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ จากแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงขาขึ้นเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของสินเชื่อ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าความต้องการด้านสินเชื่อจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสต่อไป โดยการเติบโตจะมาจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลัก
สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2561 จำนวนเงินให้สินเชื่อ JPC/MNC เติบโตเพิ่มขึ้น 14.5% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2560 สู่ระดับ 1.8 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดเงินฝากเติบโตสู่ระดับสูงกว่า 3 แสนล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 35% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ด้วยปัจจัยหนุนจากภาคส่งออกที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก
ทั้งนี้ ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันที่ครอบคลุมปี 2561-2563 เราได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความเติบโตของกลุ่มลูกค้า JPC/MNC อย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายฐานลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และบริการให้คำปรึกษา รวมทั้งการผสานความแข็งแกร่งเครือข่ายระดับโลกของ MUFG ร่วมกับความเชี่ยวชาญในประเทศของกรุงศรี
ส่วนพันธกิจด้านการส่งเสริมการลงทุนต่างชาติในประเทศไทย กลุ่มงาน JPC/MNC ของกรุงศรี ได้ศึกษาหาแนวทางในการสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC หลังจากที่เราได้มีการจัดทีมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC (EEC Area Promoter) เพื่อเป็นแกนหลักของภูมิภาคของทั้งกรุงศรี และ MUFG เพื่อดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
“พันธกิจหลักของเราคือ การสนับสนุนลูกค้าอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการจัดตั้งธุรกิจใหม่ และการขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC แม้ว่าผู้ประกอบการจำนวนมากยังคงอยู่ในช่วงพิจารณาศึกษาแผนลงทุน แต่ผลตอบรับโดยรวมมีสัญญาณในเชิงบวก และเป็นที่แน่นอนว่าประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายการลงทุนอันดับต้นๆ ในเอเชียสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจและแรงงานที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ เราคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของภาคส่งออก และการท่องเที่ยว จะช่วยส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่นให้มากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้”