ก.ล.ต. เตรียมปรับการถือหลักทรัพย์ของผู้เกี่ยวข้องกับ บจ.

ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงการจัดทำและเปิดเผยรายงานการถือหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยบุคคลวงใน เพื่อให้สอดรับกับการแก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฉบับที่ 5 ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบุคคลวงในได้ดียิ่งขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับการจัดทำและเปิดเผยรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ บจ. โดยบุคคลวงใน* ซึ่งข้อมูลดังกล่าวถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในการติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบุคคลวงใน

การปรับปรุงประกาศในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ฉบับที่ 5 ได้ขยายขอบเขตของการรายงานให้กว้างกว่าเดิม ทั้งในเรื่องประเภทของหลักทรัพย์หรือตราสารที่ต้องรายงาน บุคคลที่มีหน้าที่รายงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ตามเกณฑ์เดิมกรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชี ต้องรายงานการถือหลักทรัพย์ใน บจ. ที่ตนปฏิบัติงานอยู่ และหลักทรัพย์ของคู่สมรส และบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเท่านั้น แต่หลักเกณฑ์ใหม่จะเพิ่มเติมรายงานการถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงหลักทรัพย์ของ บจ. รวมทั้งเพิ่มเติมรายงานการถือหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบุคคลที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับกรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชีด้วย เป็นต้น

ร่างประกาศที่เผยแพร่ได้นำความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ให้ไว้จากการรับฟังความเห็นครั้งก่อนในช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา โดยมีส่วนที่ปรับเพิ่มเติมเพื่อให้เกณฑ์มีความยืดหยุ่น และเหมาะสมมากขึ้น อาทิ

- นิติบุคคลซึ่งผู้มีหน้าที่รายงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเฉพาะที่ถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด และมีสัดส่วนการถือหุ้นมากที่สุดในนิติบุคคลนั้น มีหน้าที่ต้องรายงานด้วย

- ขยายระยะเวลาการรายงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ เฉพาะกรรมการ และผู้บริหารที่ได้รับแต่งตั้งใหม่

ทั้งนี้ บุคคลวงใน อาทิ กรรมการ, ผู้บริหาร, ผู้สอบบัญชี, ผู้บริหารชั่วคราว, ผู้ทำแผน และผู้บริหารแผน