ไตรมาส 1 ปี 2561 บจ. ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เติบโตต่อเนื่อง มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 15.55% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2560 เนื่องจาก บจ. ในหมวดพลังงาน และสาธารณูปโภค มีกำไรเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า และหมวดธนาคาร มีผลการดำเนินงานดีขึ้น
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 1 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ จำนวน 449 บริษัท คิดเป็น 82.45% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยมีกำไรสุทธิรวม 2.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/2560 เป็นไตรมาสที่ บจ. มีผลประกอบการสูงสุดในปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 29% ของกำไรทั้งปี 2560) สำหรับไตรมาส 1/2561 ราคาน้ำมันยังเพิ่มสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.72% ลดลงเล็กน้อยจาก 24.33% ในช่วงเดียวกันในปีก่อน
โดยในไตรมาสแรกปี 2561 บจ. มียอดขายรวม 2.83 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ด้านฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 1/2561 พบว่า โครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.15 เท่า เทียบกับ สิ้นปี 2560 ที่ 1.17 เท่า
สำหรับผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในภาพรวมปรับดีขึ้น โดยในไตรมาสแรกปี 2561 บจ. mai มีกำไรสุทธิ 1.81 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 69.56% จากไตรมาส 4/2560
“ในไตรมาสแรกปี 2561 บจ. ไทยมียอดขายสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบ ซึ่งปรับสูงขึ้นราว 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี การผันผวนของราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยนได้ส่งผลกระทบทางลบต่อ บจ. ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งกระจายตัวอยู่ในหมวดพลังงาน และสาธารณูปโภค หมวดปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ และหมวดวัสดุก่อสร้าง ขณะที่การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยี มีส่วนทำให้ บจ. ได้รับผลกระทบด้านความสามารถในการทำกำไร และต้องปรับตัวในการบริหารกิจการมากขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ หมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยว ยังคงมียอดขายและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี ทั้งหมวดธุรกิจพาณิชย์ ขนส่ง และลอจิ
สติกส์ การแพทย์ ท่องเที่ยว และสันทนาการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเงินทุน และหลักทรัพย์” นางเกศรา กล่าว
ทั้งนี้ บจ. ใน SET นำส่งงบการเงินไตรมาส 1/2561 จำนวน 544 บริษัท (ณ 16 พ.ค. 2561) หรือคิดเป็น 93.79% จากทั้งหมด 580 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG)