“เพอร์เฟค” แจงรายได้จากการขายในไตรมาสแรกปี 61 เพิ่มขึ้น 1,093.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 56.7 โดยธุรกิจอสังหาฯ และอาคารชุดเพิ่มขึ้นมาก กำไรสุทธิไตรมาสแรกจำนวน 195.32 ล้านบาท
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ชี้แจงว่า งบกำไรขาดทุนงวดไตรมาส 1 ปี 61 บริษัทฯ และบริษัทย่อย กำไรสุทธิจำนวน 195.3 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยกำไรสุทธิ จำนวน 44.7 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น จำนวน 150.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 337 ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า
ไตรมาส 1 ปี 61 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 3,021.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,093.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 56.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 1,928.1 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 60 จากรายได้ขายบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1,923.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 406.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.8
รายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1,097.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 686.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 167.1 โดยในไตรมาส 1 ปี 60 เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิม 15 โครงการ และไตรมาส 1 เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิม 17 โครงการ
กำไรขั้นต้นจำนวน 1,053.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 369.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53.9
อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 35.5 เป็นร้อยละ 34.9 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบ้านพร้อมที่ดินลดลงจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 34.8 อัตรากำไรขั้นต้นของอาคารชุดพักาอาศัยลดลงจากร้อยละ 37.3 เป็นร้อยละ 35
ธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม จำนวน 605.4 ล้านบาท ลดลงจำนวน 42.5 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจำนวน 288.3 ล้านบาท กำไรขั้นต้นลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 30.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.5
โรงแรมในประเทศ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม จำนวน 307.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 11 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 115.3 ล้านบาท กำไรขั้นต้นลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.3
รายได้ค่าเช่า และบริการ จำนวน 78.4 ล้านบาท ลดลง 12.7 ล้านบาท กำไรขั้นต้น จำนวน 4.3 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 4.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,366.4
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 1,141.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27.3 ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 163.1 ล้านบาท ลดลง 71.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30.5
ไตรมาสแรก กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ ส่วนของผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่ จำนวน 195.32 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 44.7 ล้านบาท