หุ้นไทยปิดร่วง 19.55 จุด สวนทางตลาดในภูมิภาค โดยมีแรงขายจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ แนะจับตาปัจจัยสถานการณ์สหรัฐฯ-อิหร่านกดดัน
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีฯปรับตัวลดลง รับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่ปรับตัวลดลงกดดันตลาด โดยมีปัจจัยมาจากทางสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ ส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีออกมามาก
โดยส่วนหนึ่งคาดว่าจะมาจากแรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ ที่เป็นผู้ซื้อส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทย และมีการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยไว้อยู่มาก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงการตัดสินใจของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศว่าจะซื้อหรือขายหุ้นออกมา โดยที่ในวันนี้ (8 พ.ค.) มองว่า แรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่ออกมาจะมาจากแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ จากจังหวะของปัจจัยภายนอกที่สร้างความไม่แน่นอนต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว และช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว จึงได้ตัดสินใจเทขายออกมาในวันนี้
วันนี้ดัชนีหุ้นไทยมีทิศทางการเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น นอกเหนือจากตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,760.25 จุด ลดลง 19.55 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.10% มูลค่าการซื้อขาย 61,224.79 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) นายศราวุธ คาดว่า จะเห็นภาพการซึมตัวต่อเนื่องของดัชนีฯ ไปตลอดทั้งสัปดาห์ จากปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนเข้ามากระทบ และความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยที่ลดลงจากราคาหุ้นในตลาดที่ถือว่าค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค
แม้ว่าในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก 1-2% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ผลตอบแทนติดลบ 12% และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ผลตอบแทนติดลบ 8% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พร้อมให้แนวต้าน 1,770 จุด แนวรับ 1,720 จุด โดยที่ปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องการตัดสินใจของสหรัฐฯ ต่อข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีนี้ (10 พ.ค.)