หลายสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจน กดดันราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ จับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังเฟดเชื่อมั่นความแข็งแกร่ง จะเร่งให้การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกิดเร็วขึ้น และไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมราคาทองคำว่า ราคามีการแกว่งตัวค่อนข้างแคบ ทั้งนี้ เพราะสถานการณ์มีความไม่่แน่นอนหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นความไม่ชัดเจนของการหารือกันระหว่างประนาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จ็อง อึน ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในกรณีที่พยายามที่จะคลี่คลาย และยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ตลาดยังคงจับตา ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรที่มีการโจมตีซีเรีย ว่า จะมีสถานการณ์ความตึงเครียดเกิดขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการตอบโต้การกีดกันการตั้งกำแพงภาษีการค้้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการตอบโต้กันไปมา แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำมากนัก เพราะสถานการณ์การตอบโต้ หรือการตั้งกำแพงภาษีเป็นมาตราการที่ไม่ได้รุนแรง หรือแสดงถึงการทำลายล้าง จึงทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวอยุ่่ในกรอบ
“สถานการณ์ หรือปัจจัยดังกล่าวที่ยังมีความไม่แน่นอน หรือมีความผันผวนค่อนข้างสูง จึงเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนในตลาดทองคำชะลอการลงทุนทองคำเพิ่มเติม”
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา แนะนำว่าจะต้องจับตาความคืบหน้าการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป และประธานาธิบดีคิม จ็อง อึน ของเกาหลีเหนือ ว่า จะบรรลุผลในการเจรจาหรือไม่ รวมถึงกรณีที่สหรัฐฯ จะถอนการยกเว้นการคว่ำบาตรอิหร่านออก ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ทองคำยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลาย ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็จะขาดปัจจัยหนุนเช่นกัน
นอกจากนี้ แนะนำจับตาดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เพิ่มเติม หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ในระยะถัดไปมีทิศทางค่อนข้างแข็งแกร่ง และสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทิศทางที่เร่งขึ้น ซึงปัจจัยดังกล่าวยังกระตุ้นผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ มีทิศทางปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นตามมา และยังคงเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่มากดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยขยับตัวเพิ่ม นอกจากนี้ ยังคงมีการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งนักลงทุนสามารถจับตาดูข้อมูลดังกล่าวเพื่อใช้เป็นปัจจัยตัวหนึ่งในการเป็นทิศทางของตลาดเงิน และตลาดทุนได้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบของราคาเช่นเดิม ขณะที่นักลงทุนยังต้องจับตาดูปัจจัยพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เพราะว่าราคาทองคำยังคงชี้นำ หรือว่ามีการเคลื่อนไหวไปตามการแกว่งตัว หรือเคลื่อนตัวไปตามสถานการณ์ของข่าวที่เข้ามากระทบ โดยในส่วนของแนวรับ ประเมินไว้บริเวณ 1,329, 1,306, 1,294 เหรียญ/ออนซ์ ในส่วนของแนวต้าน ประเมินไว้บริเวณ 1,366, 1,386, 1,400 เหรียญ/ออนซ์ ทั้งนี้ หากราคามีการอ่อนตัว่ลงแนะนำให้เข้าซื้อโดยใช้ระดับ 1,319 เหรียญ/ออนซ์เป็นจุดพิจารณา
แต่หากราคาขยับ หรือมีการดีดตัวขึ้นอาจมีการทยอยแบ่งทองคำออกขายหรือใช้โซนแนวต้านตั้งแต่ระดับ 1,356-1,366 เหรียญ ซึ่งหากราคายังคงไม่สามารถยืนอยู่เหนือราคาด้านบนได้ คาดว่าราคายังคงมีโอกาสปรับฐาน หรืออ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเข้าซื้อแนะนำว่า อาจจะมีการใช้เงินลงทุนบางส่วน เพราะหากราคาหลุดในส่วนของ 1,329 เหรียญ/ออนซ์ กรอบการเคลื่อนไหวของราคาจะอยู่ในกรอบ 1,306 เหรียญ/ออนซ์ โดยอาจจะมีเงินลงทุนบางส่วนเอาไว้ซื้อหากราคามีการปรับฐาน หรือมีการอ่อนตัวลงมาที่โซนดังกล่าว