ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ไตรมาสแรกปีนี้โกยกำไรทะลุ 1.3 หมื่นล้านบาท ผลจากภาษีและกำไรค่าเงิน อีกทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้น ขณะมีรายได้รวม 39,105 ล้านบาท ส่วนฐานะการเงินยังแกร่ง
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 13,381 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.93% จากไตรมาสแรกปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 12,284 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรและผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างไตรมาส และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกและระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) สูงถึง 74% อีกทั้่งได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องผลักดันให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้นกว่า 5% กอปรกับความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับต้นทุนการผลิตในระดับต่ำ
โดยไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้รวม 39,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2560 ที่มีรายได้รวม 38,377 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้น มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 25,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 26,466 ล้านบาท
ขณะที่ปริมาณการขายของบริษัทอยู่ที่ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 313,054 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การเรียกรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลง และปริมาณการขายที่น้อยลงของแหล่งมอนทาราในออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทยังคงเน้นเพิ่มปริมาณการผลิตคอนเดนเสท เพื่อทดแทนปริมาณการขายที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 มีสินทรัพย์รวม 19,745 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 616,662 ล้านบาท) โดยมีส่วนที่เป็นเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวม 5,095 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 159,121 ล้านบาท) มีหนี้สินรวม 7,816 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 244,091 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจำนวน 2,866 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 89,517 ล้านบาท) และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 11,929 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 372,571 ล้านบาท)