ครม.ขยายเวลาหมอประชารัฐสุขใจ ลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังพบยังมีผู้ถือบัตรฯ อีก 4 ล้านคนที่ต้องสัมภาษณ์ โดยกำหนดให้ขยายเวลาสิ้นสุดในการดำเนินการไปจนถึงเดือน พ.ค. จากเดิมที่กำหนดไว้ใน เม.ย. นี้ ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบ ธ.ก.ส. ช่วยลดภาระเกษตรกรผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนปัจจัยการผลิต
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบกับการขยายเวลาสัมภาษณ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐที่ได้แจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพตามมาตรการของรัฐบาลออกไปจนถึงเดือน พ.ค. 61 จากเดิมที่เคยกำหนดให้ทีมหมอประชารัฐสุขใจต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย. นี้
นอกจากคณะรัฐมนตรียังให้ความเห็นชอบในการจัดหาทีมหมอประชารัฐ เพิ่มอีก 500 คน โดยใช้เงินรองรับการทำงานของทีมลงพื้นที่อีก 103 ล้านบาท หลังจากผู้มีรายได้น้อยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน แจ้งความประสงค์อบรมอาชีพในการดูแลสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 จำนวน 6.4 ล้านคน ด้วยการจ่ายเงินเพิ่มเติมอีกรายละ 100 บาท และ 200 บาทตามรายได้รวมต่อปี ให้แก่ผู้เข้าร่วมกับอบรมอาชีพ
สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี จำนวน 2.1 ล้านคน ทีมหมอประชารัฐสุขใจ ต้องลงพื้นที่ออกไปเคาะประตูบ้านสอบความต้องการพัฒนาอาชีพเสริม การเพิ่มความรู้ในการประกอบอาชีพเดิม เมื่อรวมกับยอดผู้สมัครใจกลุ่มแรก 6.4 ล้านคน รวมเป็น 8.5 ล้านคน ขณะนี้ดำเนินการลงพื้นที่สอบถามไปแล้ว 4 ล้านคน ที่เหลืออีก 4 ล้านคน คาดว่าเมื่อสิ้นเดือน เม.ย. แล้ว จะไม่สามารถทำการสัมภาษณ์ได้ทันตามกำหนด จึงเห็นควรให้ขยายเวลาออกไป
อย่างไรก็ตาม นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนปัจจัยการผลิต สำหรับผู้กู้ยืมรายย่อย 3 ล้านราย โดยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-3 หรือเท่ากับร้อยละ 4 โดยส่วนที่เหลือนั้น รัฐบาลจะชดเชยให้ร้อยละ 2 รวมทั้งยังเห็นชอบโครงการปุ๋ยสั่งตัด ด้วยการจัดทำปุ๋ยให้เหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะปล่อยสินเชื่อผ่านสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน จำนวน 500 แห่ง กำหนดวงเงินกู้สูงสุดที่ 10 ล้านบาทต่อองค์กร คิดดอกเบี้ย MLR-3 หรือเท่ากับร้อยละ 2 ส่วนที่เหลือรัฐบาลชดเชยภาระดอกเบี้ยให้เพื่อลดภาระให้แกเกษตรกร สำหรับการชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. ในทั้งสองโครงการนั้น จะคิดเป็นมูลค่า 1.8 พันล้านบาท