อินโดรามา เวนเจอร์ส ตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อซื้อกิจการ PTA-PET แบบบูรณาการ มูลค่า 1.125 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯ หวังได้รับผลิตภัณฑ์ PTA และ PET ของกำลังการผลิตตามสัดส่วน และมีอิสระในการจัดซื้อวัตถุดิบรวมถึงมีอิสระในการขายและจัดส่งผลิตภัณฑ์ได้อย่างอิสระ
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL แจ้งว่า บริษัท Corpus Christi Polymers LLC (CC Polymers) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ในสัดส่วนที่เท่ากันระหว่างบริษัท Alpek, S.A.B. de C.V. (Alpek) บริษัท Indorama Ventures Holdings LP (Indorama) บริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และบริษัท Far Eastern Investment (Holding) Ltd. (Far Eastern) ได้ลงนามสัญญาเข้าซื้อทรัพย์สินกับบริษัท M&G USA Corp. และลูกหนี้ที่เกี่ยวข้อง (M&G)
บริษัท CC Polymers มีแผนเข้าซื้อทรัพย์สินของโรงงานผลิต PTA-PET แบบบูรณาการที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ตั้งอยู่ในเมืองคอร์ปัส คริสตี (Corpus Christi) มลรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (โครงการคอร์ปัส คริสตี) รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญา และโรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล/โรงงานผลิตไอน้ำ ซึ่งผลิตน้ำและไอน้ำให้แก่โครงการคอร์ปัส คริสตี ทั้งนี้ สัญญาซื้อทรัพย์สินดังกล่าวนี้เป็นการเสนอราคาที่มีผลผูกพัน (binding bid) ให้กับ M&G ในรูปแบบของเงินสดและ/หรือเงินทุนอื่นใด จำนวน 1.125 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับโครงการคอร์ปัส คริสตี เป็นโรงงานผลิต PTA-PET แบบบูรณาการที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิต PET จำนวน 1.1 ล้านตัน และ PTA จำนวน 1.3 ล้านตันต่อปี โรงงานแห่งนี้คาดว่าจะเป็นโรงงานแบบสายการผลิตเดียวที่มีการบูรณาการในแนวดิ่งระหว่าง PTA และ PET ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นโรงงานผลิต PTA ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา
โดยเงื่อนไขของบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เป็นดังนี้ คือ คู่สัญญาทุกฝ่ายจะต้องจัดสรรทรัพยากรให้แก่บริษัท CC Polymers เพื่อให้โครงการคอร์ปัส คริสตี แล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิผล และเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด บริษัท Alpek บริษัท อินโดรามา และบริษัท Far Eastern
มีสิทธิที่จะได้รับผลิตภัณฑ์ PTA และ PET จำนวนหนึ่งในสามของกำลังการผลิตทั้งหมด เมื่อโครงการคอร์ปัส คริสตี เสร็จสิ้น โดยคู่สัญญาแต่ละฝ่ายนั้นมีอิสระในการจัดซื้อวัตถุดิบ ซึ่งรวมถึงมีอิสระในการขายและจัดส่งผลิตภัณฑ์ PTA และ PET ตามสัดส่วนของตนได้อย่างอิสระ
ทั้งนี้ การเสร็จสิ้นโครงการดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ รวมถึงการได้รับการอนุมัติจากศาลล้มละลายของประเทศสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
PJT Partners รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน และ Weil, Gotshal & Manges LLP รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้บริษัท Alpek HSBC รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน และ Lowenstein Sandler รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้บริษัท Indorama Morgan Stanley รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินและ Duane Morris LLP รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้บริษัท Far Eastern
สำหรับ Alpek เป็นบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำ มีการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโพลีเอสเตอร์ (PTA, PET และเส้นใยโพลีเอสเตอร์) และกลุ่มธุรกิจพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (โพลีโพรพิลีน ฉนวนโพลีสไตรีนโฟม คาโปรแลคตัม เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม) บริษัท Alpek เป็นผู้ผลิต PTA และ PET ที่มีการบูรณาการในอเมริกาเหนือ เป็นผู้ผลิตฉนวนโพลีสไตรีนโฟมรายใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา และเป็นผู้ผลิตคาโปรแล็กตัมเพียงรายเดียวในประเทศเม็กซิโก
นอกจากนี้ Alpek ยังดำเนินธุรกิจโพลีโพรพิลีน และเป็นหนึ่งในโรงงานโพลีโพรพิลีนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ในปี 2559 บริษัท Alpek รายงานรายได้รวม 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำไร 699 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทมีโรงงานทั้งหมด 23 แห่งในสหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก, แคนาดา, บราซิล, อาร์เจนตินา และชิลี และมีพนักงานกว่า 5,200 คน บริษัท Alpek เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโก