เชียงใหม่ริมดอย เดินหน้ารับงานเอกชนต่อเนื่อง ดันสัดส่วนรายได้เอกชนเพิ่มทั้งปีได้ตามเป้า 60% จากเดิม 15% เสริม Backlog ในมือตอนนี้กว่า 978 ล้านบาท ส่วนงานภาครัฐทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 40% ย้ำเข้าประมูลงานทุกโครงการทั่วประเทศ ชี้ปีนี้อาจเห็นการเติบโตมากกว่าปีก่อน พร้อมเสาะหาช่องทางการขยายงานในกลุ่มประเทศ AEC
นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างทั่วไปประเภทต่าง ๆ และการรับเหมาก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภค เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานของภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับปรุงบ้านตัวอย่างของโครงการ X2 Chiang Mai Miville Residence, การก่อสร้างคอนโดมิเนียม The Nine (Thailand), การก่อสร้างทางลาดและกระถางต้นไม้ของ The Empress งานปรับปรุงอาคารพาณิชย์คอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้นครึ่ง 7 คูหา เป็นต้น ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มีสัดส่วนการรับงานภาคเอกชนในเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากเดิมปีก่อนทั้งปีที่ 15% ทั้งนี้ บริษัทยังมีงานเอกชนที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา และอยู่ในขั้นตอนการเจรจา รวมถึงการเสนอราคาอีกหลายโครงการ ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนให้งานเอกชนของบริษัทในปีนี้มีสัดส่วน 60% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ งานภาครัฐในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40% จาก 85% ในปีก่อน โดยงานในภาครัฐไม่ได้มีน้อยลง แต่มีสัดส่วนงานเอกชนเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยบริษัทยังมีการเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงรอความชัดเจนของแต่ละงานที่มีขั้นตอนการประมูล ข้อกำหนด และระยะเวลาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะมีจุดแข็งด้านความคล่องตัวที่สามารถรับงานได้อย่างหลากหลาย รวมถึงมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนที่ดี แต่ทุกงานที่เข้าร่วมประมูลบริษัทมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อโอกาสในการเติบโตของบริษัทได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
ขณะที่งานในมือรอรับรู้ (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันเพิ่มเป็น 978.64 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนมีอยู่ประมาณ 892 ล้านบาท ซึ่งงานในมือดังกล่าวจะทยอยรับรู้จากปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปี 2562 โดยบริษัทยังเข้าร่วมประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วทุกภูมิภาคเข้ามาทดแทนงานในส่วนที่เสร็จ และส่งมอบให้ลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาระดับงานในมือให้มีอัตราไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และบริษัทพยายามสร้างโอกาสการรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอทุกไตรมาส ซึ่งเชื่อว่าจากที่กล่าวมาทั้งหมดจะสามารถผลักดันให้การดำเนินงานในปีนี้มีการเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้กว่า 1,366 ล้านบาท
สำหรับมุมมองธุรกิจการก่อสร้างในปีนี้ มองว่าภาคเอกชนน่าจะมีทิศทางการลงทุนที่มากขึ้น ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ออกมาทั้งโครงการเมกะโปรเจกต์ และงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ชะลอมาจากปีก่อน ซึ่งจะมากระตุ้นการลงทุนของเอกชน อาทิ การก่อสร้างคอนโดมิเนียม และโรงแรม โดยมีทั้งการก่อสร้างใหม่ และการปรับปรุงโครงการเดิม ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีให้กับบริษัทที่น่าจะมีงานเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่เชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนจังหวัดอื่น ๆ ที่เห็นศักยภาพในการทำงานแบบมืออาชีพของบริษัท เช่นเดียวกับงานภาครัฐที่ไม่ได้มีงานก่อสร้างใหม่เท่านั้น แต่มีการปรับปรุงโครงการเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น งานปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มกำลังการผลิตโครงการปรับปรุงไฟฟ้าพลังน้ำแม่ตืน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ CRD ดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ เป็นต้น
“ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีโอกาสทั้งงานก่อสร้างใหม่ และการปรับปรุงโครงการเดิมที่สามารถสร้างรายได้ ทั้งงานของภาครัฐและเอกชนในทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชียงใหม่ ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นจังหวัดที่ไม่สามารถขยายการก่อสร้างได้มาก แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในพื้นที่ CRD มองเห็นโอกาส และช่องทางในการสร้างรายได้ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในตัวเมือง หรือแม้แต่บนพื้นที่เขาอย่าง อ.อมก๋อย ก็สามารถดำเนินการได้” นายธีรพัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังหาช่องทางการขยายงานไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเดินทางไปดูงานในกลุ่มประเทศ AEC อาทิ สปป.ลาว, เวียดนาม และพม่า เพื่อศึกษาแนวทางการทำงานในแต่ละประเทศ รวมถึงหารือทางธุรกิจเพื่อการร่วมมือกันในอนาคตต่อไป