ธปท. เตรียมแก้ไข กม. เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเมื่อเกิดวิกฤต ฟื้นบทบาทกองทุนฟื้นฟูฯ ย้ำแก้ไขปรับปรุงเผื่ออนาคต และทำช่วงที่สถาบันการเงินเข้มแข็ง เล็งปรับประมาณการเศรษฐกิจ หลังมีการฟื้นตัวชัดเจน เตือนผู้ส่งออกอย่าประมาท ค่าเงินบาทยังมีความผันผวน ควรป้องกันความเสี่ยง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ธปท. ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระแรกแล้ว เพื่อเป็นเครื่องมือในการดูแลสถาบันการเงินเมื่อเกิดวิกฤต ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบการเงิน เป็นดูแลรองรับอนาคต หากเกิดวิกฤต และเกิดปัญหากับระบบ และช่วงนี้เป็นวาระที่เหมาะสมในการแก้ไข เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มแข็ง และเพื่อความมั่นใจว่ามีเครื่องมือที่พร้อมใช้กำกับดูแลทันที
“การแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่กฎหมายใหม่ ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี และ ค.ร.ม. ได้อนุมัติเป็นเรื่องที่ต้องทำตามโจทย์ที่เปลี่ยนแปลงไป และแก้ไข ไม่ใช่เพราะสถาบันการเงินมีปัญหา ทำเพื่อแน่ใจว่าเรามีเครื่องมือพร้อม”
ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในประเทศอุตสาหกรรมโลก อเมริกา ยุโรป รวมถึงญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย ขณะนี้ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ ธปท. จะต้องมีการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่ประเมินการขยายตัวเศรษฐกิจ 3.9% โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงกระจุกตัว
ปัจจัยที่มีความกังวลของไทย คือ เศรษฐกิจชนบท ที่จะค่อย ๆ ปรับจากนโยบายประชานิยม ที่ทำราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับ ประชาชนได้ก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น เมื่อราคาสินค้าเกษตรลดลง จึงเกิดปัญหา รวมถึงโครงสร้างของไทยได้เปลี่ยนแปลงไป ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ระดับคนทำงานหารายได้ลดน้อยลง จึงไม่เพียงพอต่อภาระหนี้สิน ซึ่งคงเป็นปัญหาใหญ่ของไทย
ส่วนประเด็นค่าเงินบาท ยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ส่งออก และนักลงทุน จำเป็นต้องระมัดระวัง ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย และควรที่ตะต้องทำอย่างต่อเนื่อง มีการวางแผนและบริหารจัดการที่ดี อย่าประมาท เพราะปัจจัยเสี่ยงที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง