หุ้นไทยปิดลบ 3.53 จุด เจอแรงขายลดความเสี่ยง โดยกลุ่มโรงไฟฟ้านำตลาด ขณะที่ดัชนีลงมาใกล้แนวรับสำคัญ แนวโน้มในสัปดาห์หน้าคาดหุ้นจะเผชิญกับความผันผวน หากหลุดแนวรับสำคัญ 1,760 คาดว่าตลาดคงเหวี่ยงแรงจากแรงขายอออกมา
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 มี.ค.) เปิดตลาดปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้ไม่นาน และยืนไม่อยู่ แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม ชัดเจนขึ้นว่าอาจมีข้อยกเว้นเพิ่มเติม แต่ก็เป็นแรงกดดันสหรัฐฯ ตลาดที่เป็นผู้ผลิตเหล็กส่งออก ได้แก่ ญี่ปุ่น ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเม็ดเงินต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ยังมีแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศออกมาต่อเนื่อง และดัชนีหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดลงมาเรื่อย ๆ แม้ว่าในระหว่างสัปดาห์นี้ มีข่าวดีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับร่าง พ.ร.บ. เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับแล้วก็ตาม
“วันนี้มีแรงขายจากกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง BGRIM EA GULF GPSC มาครบ 4 ตัวใหญ่เป็นจุดให้ดัชนีถูกทุบมาแรง และเป็นการขายลดความเสี่ยง”
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดส่งท้ายสัปดาห์ที่ระดับ 1,775.37 จุด ลดลง 3.53 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 72,472.23 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าจะเผชิญกับความผันผวน โดยขณะนี้ดัชนี SET เคลื่อนไหวใกล้แนวรับสำคัญ ที่ 1,760 จุด และ 1,750 จุด หากหลุดแนวรับสำคัญดังกล่าว คาดว่าตลาดคงเหวี่ยงแรงจากแรงขายอออกมา
นอกจากนี้ แนะให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้ และในวันที่ 13 มี.ค. สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 20-21 มี.ค. นี้ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,760 และ 1,750 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,790 จุด