บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รายงานผลการดำเนินงานปี 2560 มียอดขายรวม 158,735 ลบ. เพิ่มขึ้น 11.06% จากปีก่อน กำไรสุทธิรวม 4,966 ลบ. ลดลง 13.54% พบ 63 บริษัท ที่มีกำไรสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558-2560 และในจำนวนนี้มี 20 บริษัทมีการเติบโตของกำไรสุทธิ
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 143 บริษัท จากทั้งหมด 151 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ไม่นำส่งงบการเงินตามกำหนด) นำส่งผลการดำเนินงานงวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 พบ บจ. มีกำไรสุทธิจำนวน 105 บริษัท คิดเป็น 73% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยมียอดขายรวม 158,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.06% ต้นทุนรวม 121,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.43% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 24.80% เป็น 23.20% ส่วนกำไรสุทธิรวม 4,966 ล้านบาท ลดลง 13.54%
“ผลการดำเนินงานของ บจ. mai ในปี 2560 ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อัตราการทำกำไรลดลง รวมถึงบาง บจ. มีบันทึกขาดทุนจากรายการพิเศษ ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมลดลง เมื่อพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเติบโต ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นด้วย ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม, กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยี โดย 5 บจ. ที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในปีนี้ คือ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE), บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP), บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) และ บมจ. บางกอก เดค-คอน (BKD) ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังพบ 63 บริษัทที่มีกำไรสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558-2560 (ไม่นับรวม บจ. ใหม่ที่เข้าจดทะเบียนปี 2559-2561) และในจำนวนนี้มี 20 บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิด้วย” นายประพันธ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 4/2560 บจ. mai มียอดขาย 42,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.09% และมีกำไรสุทธิ 1,045 ล้านบาท ลดลง 14.76% จากไตรมาสที่แล้วสิ้นปี 2560 บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 253,106 ล้านบาท เติบโต 28,030 ล้านบาท หรือ 12.45% จากปีก่อนหน้า ซึ่งหากพิจารณาส่วนของโครงสร้างเงินทุนรวม ยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio อยู่ในระดับ 0.97 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2559 ที่ 1.06 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 151 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มีนาคม 2561) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 494.31 จุด ลดลง 8.52% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 310,868 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,799 ล้านบาทต่อวัน