กนง. เตรียมปรับเป้าส่งออกใหม่โตเกินร้อยละ 4 พร้อมหารือผลกระทบจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมมีนาคมนี้ เชื่อจะช่วยลดแรงกดดันเรื่องเงินทุนไหลเข้า ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าน้อยลง
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนมีนาคมนี้ จะมีการหารือถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่ง ธปท. ยังคงคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าตลาดจะคาดการณ์ว่า เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งก็ตาม ซึ่งการที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยจะช่วยลดแรงกดดันเรื่องเงินทุนไหลเข้า ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าน้อยลง เพราะเมื่อมีข่าวเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่า
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศไทยยังเกินดุลบัญชีเงินสะพัดเป็นแรงกดดัน ทำให้เงินบาทแข็งค่า โดยสิ้นเดือนมกราคม 2561 เงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มีระดับความผันผวนประมาณร้อยละ 4 และเพิ่มเป็นร้อยละ 6 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ในระดับกลางของภูมิภาค
นอกจากนี้ ในการประชุม กนง. จะมีการปรับประมาณการตัวเลขการส่งออกใหม่ จากเดิมคาดว่าส่งออกปีนี้โตร้อยละ 4 ซึ่งคาดว่าส่งออกจะขยายตัวได้สูงกว่าร้อยละ 4 พอควร หลังจากที่การส่งออกสินค้าเดือนมกราคมขยายตัวสูงถึงร้อยละ 16.7 เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 62 เดือน ขณะที่การนำเข้าขยายตัวสูงถึงร้อยละ 22.5 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเทศกาลตรุษจีน และมีการนำเข้าสินค้าทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในอนาคต
ส่วนสัญญาณการจ้างงานมีแนวโน้มดีขึ้น การจ้างงานนอกภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรมมีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะการจ้างงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร และมีการจ้างงานกลับเข้ามาในภาคเกษตรกรรม ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงสุดในรอบ 35 เดือน ขณะที่การบริโภคสินค้าไม่คงทนและสินค้ากึ่งคงทนมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนว่าการใช้จ่ายของคนผู้มีรายได้น้อยดีขึ้น