SPCG เตรียมสรุปสัดส่วนถือหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 480 เมกะวัตต์ (MW) เผยไตรมาส 2/61 โกยรายได้เพิ่มจากโครงการโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 30 MW หลังเริ่มจ่ายไฟฟ้าได้ เม.ย. นี้ คาดเพิ่มรายได้ปี 61 โตทะลุร้อยละ 10 แตะระดับ 7 พันล้าน
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/61 บริษัทฯ เตรียมจะสรุปสัดส่วนการถือหุ้นและแหล่งเงินลงทุนของโครงการโซลาร์ฟาร์ม “Ukujima Mega Solar Project” ขนาดกำลังผลิตประมาณ 480 เมกะวัตต์ ณ เกาะ Ukujima เมืองนางาซากิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้ร่วมทุนทั้งสิ้น 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank limited ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 58,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินก่อสร้างในปี 62 และใช้ระยะเวลาการก่อสร้างราว 4 ปี
ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/61 คาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่มีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ เข้ามา โดย ณ สิ้นปี 60 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 260 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มเห็นการเติบโตตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น ณ เมืองทตโตะริ กำลังการผลิต 30 MW ที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือน เม.ย.
สำหรับในปี 61 บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำ 10% หรือขึ้นไปแตะระดับ 6,500-7,000 ล้านบาท จากปีก่อน 6,122.26 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตตามการรับรู้รายได้จากโครงการไฟฟ้าในญี่ปุ่น และบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากการติ้ดตั้งและจำหน่ายโซลาร์รูฟท็อป ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 1,500 ล้านบาท