ผู้ว่าการ ธปท. รับพบมีการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยมีสถาบันการเงินในประเทศเกี่ยวข้อง เตรียมเร่งตรวจสอบในเชิงลึก ยันบาทแข็งไม่กระทบส่งออก
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องว่า พบว่ามีพฤติกรรมการเก็งกำไร โดยมีสถาบันการเงินในประเทศไทย เข้าไปเอื้อ สนับสนุน ให้ลูกค้ากระทำการเก็งกำไรค่าเงิน ซึ่ง ธปท. อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะ ธปท. ไม่ต้องการให้สถาบันการเงินเข้าไปเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์และหลักเกณฑ์ในการป้องปราม และพบด้วยว่ามีสถาบันการเงินเคยมีพฤติกรรมการเก็งกำไรมาแล้วก่อนหน้านี้ และเคยถูกเตือนมาแล้วด้วย
“ยอมรับว่าบางช่วงมีธุรกรรมเงินบาทหนาแน่น ซึ่ง ธปท. ก็สั่งให้ตรวจสอบ และพบว่ามีสถาบันการเงินในประเทศมีพฤติกรรมเก็งกำไร ซึ่งเคยพบพฤติกรรมในลักษณะนี้มาแล้ว และกลับมาพบอีกในลักษณะเอื้อให้ลูกค้าเข้ามาเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ขณะนี้ ธปท. ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท. พร้อมจะทบทวน เกณฑ์การป้องปรามการเก็งกำไร” นายวิรไท กล่าว
นายวิรไท กล่าวว่า เรื่องเงินบาทไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการกำหนดการขยายตัวของการส่งออก ซึ่งในปี 2560 เงินบาทแข็งค่าร้อยละ 10 แต่การส่งออกก็ขยายตัวได้ดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และตั้งแต่ต้นปี 2561 เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 2 สาเหตุหลักมาจาก 1. เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า 2. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยสูง และมีเงินไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งไม่ได้พบว่า เงินไหลเข้าผิดปกติ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวน ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องทำประกันความเสี่ยงล่วงหน้า โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ยังป้องกันความเสี่ยงน้อย และเอสเอ็มอีที่เข้าโครงการกับใช้ FX Option ที่สามารถซื้อสิทธิล็อกอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้ายังมีจำนวนน้อย จึงขอความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยให้ส่งเสริมเรื่องนี้ให้มากขึ้น