นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพการเงิน กล่าวถึงการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มี.ค.ที่จะถึง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า เป็นเรื่องที่ตลาดมีการรับรู้อยู่แล้วถึงแนวโน้มดังกล่าวมาระยะหนึ่ง แต่เมื่อความชัดเจนขึ้นในการประชุมแต่ละรอบก็อาจจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ซึ่งขณะนี้ตลาดก็ค่อนข้างเชื่อมั่น 100% ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ทยอยปรับการลงทุนไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หากเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในการประชุมคร้งนี้ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายเดิมของ ธปท.ที่ประมาณการไว้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ 2 ครั้ง หรืออย่างมาก 3 ครั้งในครึ่งปีหลังของปีนี้ทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่าจะกระทบต่อตลาดการเงินไทยไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปี แต่โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังมีต่อเนื่อง หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนที่ยังคงต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ และนโยบายกีดกันทงการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าจะกระทบต่อการค้าโลก และประเทศใหญ่ที่เราส่งออกสินค้าไปมากน้อยแค่ไหน เพราะจะกระทบต่อเนื่องมาถึงเศรษฐกิจไทยได้ในระยะข้างหน้า
“ธปท. ประเมินว่า หากเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงบ้าง แต่ไม่มาก หรือผันผวนมากจนต้องเป็นกังวล ดูจากในช่วงต้นปีจนถึงขณะนี้มีเงินไหลเข้าสุทธิในตลาดพันธบัตรของไทยจำนวนหนึ่ง โดยยอดสุทธิเป็นไหลเข้าประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น หากจะมีการไหลออกไปบ้าง ก็เชื่อว่าจะไม่ไหลออกทั้งหมด ยังมีเงินทุนต่างชาติเหลืออยู่ในตลาดพันธบัตรไทยอยู่ และที่สำคัญเสถียรภาพด้านต่างประเทศของเราอยู่ในเกณฑ์จะดีมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านทุนสำรองทางการระดับสูง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงมาก”
สำหรับค่าเงินบาทวันนี้ปิดตลาดที่ระดับ 35.36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงเปิดตลาดที่ระดับ 35.31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยพรุ่งนี้ (9 มี.ค.) คาดว่าจะแกว่งในกรอบ 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ