SMART ผ่านมาตรฐานการทดสอบ ASTM C177-04 ขึ้นแท่นผู้นำวัสดุอิฐมวลเบา ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง การันตีติดฉลากเบอร์ 5 โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด เตรียมส่งสินค้าใหม่ลุยตลาดเจาะลูกค้าโครงการขนาดกลาง และรายย่อย เน้นงานดีไซน์รับเทรนด์ตกแต่ง 2018
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา “SMART บล็อคเย็น” รุ่น G4-0.6 ความหนา 75 มิลลิเมตร ค่าต้านทานความร้อน (R-Value) ที่ 0.61 และ G4-0.6 ความหนา 100 มิลลิเมตร ค่าต้านทานความร้อน (R-Value) ที่ 0.77 ได้ผ่านเกณฑ์รับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ให้ได้รับการติดฉลากเบอร์ 5 ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงในกลุ่มวัสดุอิฐมวลเบา
“โครงการส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยการติดฉลากประหยัดพลังงาน ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการวัสดุก่อสร้าง ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ผู้บริโภค โดยให้สังเกตว่า หากพบผลิตภัณฑ์ที่มีการติดฉลากเบอร์ 5 ซึ่งผ่านเกณฑ์การรับรองจากกระทรวงพลังงานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐา ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัย และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้จริง” นายรังสี กล่าว
ทั้งนี้ SMART ได้ผ่านมาตรฐานการทดสอบ ASTM C177-04 จากศูนย์วิจัยและปฏิบัติการทดสอบพลังงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จนทำให้ได้รับการรับรอง ทั้งยังการันตีว่าช่วยต้านทานความร้อนสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนสามารถกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายใน และช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคารได้อย่างดีเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย กลุ่มบล็อกงานตกแต่ง กลุ่มงานผลิตภัณฑ์โครงสร้าง พร้อมทั้งจะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมในโมเดิร์นเทรด เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ
สำหรับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ยังคงมุ่งเน้นความแข็งแรง ใช้งานง่าย ประหยัดงบประมาณ ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง แต่จะมีการเพิ่มรูปแบบของดีไซน์ที่หลากหลาย และตรงกับเทรนด์งานตกแต่งปี 2018 มากขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดไปในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา อาทิ บล็อกช่องลม, บล็อกมิติ, พาวเวอร์บล็อก, คานทับหลัง ฯลฯ มีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดกลาง และรายย่อย ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเดินหน้าทำตลาดในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง.