หุ้นไอพีโอ “ริช สปอร์ต” ขายเกลี้ยง 200 ล้านหุ้น หลังเสนอขายวันที่ 3, 6-7 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่าย เชื่อการกำหนดราคาไอพีโอ 5.80 บาทต่อหุ้น เป็นราคาเหมาะสม ประกอบกับเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย ด้านผู้บริหารเตรียมนำเงินไปใช้ตามแผน มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 200 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 5.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 3, 6-7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า หุ้นของ RSP ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ จึงมั่นใจว่า RSP จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างน่าประทับใจ
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้น RSP โดยมียอดจองซื้อหุ้นเข้ามาอย่างล้นหลามทั้งจากส่วนของนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยในส่วนของนักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดจองซื้อล้นเกินกว่าจำนวนที่จัดสรรถึง 16 เท่า ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมานานกว่า 14 ปี โดย Converse เป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากแบรนด์ Pony รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Converse ไปยังประเทศกัมพูชา จากการที่ทีมผู้บริหารของบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ในวงการแฟชั่นมากว่า 15 ปี เมื่อผนวกกับความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่บริษัทฯ ได้รับจากคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นเข้าของแบรนด์ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ที่ถือเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักของบริษัทฯ จะช่วยสนับสนุนให้ RSP สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง
การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ RSP มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ราคาขายหุ้นไอพีโอ ที่ 5.80 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม หากนักลงทุนที่พลาดวันจองซื้อหุ้นไอพีโอ สามารถเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานได้ โดยจะเข้าเทรดวันแรกวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ มั่นใจหุ้น RSP จะเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน” นายสมภพ กล่าว
นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP กล่าวว่า หุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ เนื่องจาก RSP มีศักยภาพในการเติบโตจากสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายทั้งแบรนด์ Converse และ Pony ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ประกอบกับแนวโน้มของภาพรวมตลาดเครื่องแต่งกายแนวกีฬา (Sportswear) ที่มีการเติบโตสูง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึงร้อยละ 13.91 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่กระแสการแต่งกายแนว Sportswear กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับก้าวต่อไปของ RSP จะขยายการจัดจำหน่ายไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา หลังจากที่บริษัทฯ ได้สิทธิจาก Converse ในการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในประเทศกัมพูชา จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต
“ในฐานะผู้บริหารบริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอ เข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ การเข้ามาระดมทุนในตลาดแห่งประเทศไทยครั้งนี้จะทำให้ RSP เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากทั้งคู่ค้า และลูกค้า มากยิ่งขึ้น อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ และสามารถสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง โดยทีมผู้บริหารของบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่าเมื่อ RSP เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 10 พ.ย นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นางสาวพาพิชญ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 816.72 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,123.53 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,364.07 ล้านบาทในปี 2559 ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2560 มีรายได้รวม 601.12 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ (2557-2559) อยู่ที่ 75.99 ล้านบาท 246.09 ล้านบาท และ 298.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9.30 ร้อยละ 21.90 และร้อยละ 21.90 ตามลำดับ ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 122.16 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 20.32