xs
xsm
sm
md
lg

เอคิว กลับมาเทรดแล้ว หลังเคลียร์ปมหนี้สินแบงก์กรุงไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลดเครื่องหมาย SP หุ้น AQ ทำให้กลับมาเทรดได้ตั้งแต่เช้าของวันที่ 9 ตุลาคม 2560 หลังเคลียร์ปมหนี้สินกับธนาคารกรุงไทยเรียบร้อย ผู้บริหารลั่นพร้อมเดินหน้าลุยนิคมอุตสาหกรรมรับอีอีซี

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปลดเครื่องหมาย SP และ NP หลักทรัพย์ของบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย NR ทำให้ AQ กลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ภาคเช้าของวันที่ 9 ตุลลาคม 2560 หลังจากที่พักการซื้อขายโดยขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เป็นต้นมา เนื่องจาก AQ ไม่สามารถนาส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2558 และในงวดถัดมาได้ภายในระยะเวลาที่กาหนด ทั้งนี้ AQ ได้ทยอยนำส่งงบการเงินครบทุกงวดแล้ว โดยได้นำส่งงบการเงินฉบับสอบทานไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 (รวมบริษัทย่อย) อันมีผลขาดทุนสุทธิ 54.66 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 223.94% จากช่วงเดียวกันของเมื่อปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 16.87 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก มีผลขาดทุนสุทธิ 116.62 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 3.81%

จากผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าว สาเหตุที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 533.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 91.76 เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในช่วงที่มีเงินลงทุนจำกัด ทำให้ต้องชะลอการก่อสร้าง เป็นผลให้สินค้าของบริษัทฯ มีจำนวนน้อย จึงส่งผลโดยตรงกับยอดขายที่ลดลงในงวดปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2559 บริษัทฯ มีการขายโครงการใหญ่ จึงทำให้ยอดขายสูงกว่างวดปัจจุบัน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายของบริษัทฯ ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 63.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนร้อยละ 86.72 เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการชะลอการลงทุนในการเปิดโครงการใหม่ และมีการพิจารณาลงโฆษณาในสื่อที่ตรงเป้าหมายมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ นายสมชาย คูวิจิตรสุวรรณ ประธานกรรมการบริษัท AQ ระบุว่า บริษัทฯ จะนำส่งงบการเงินประจำไตรมาส 2/2560 ให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทันทีเมื่อผู้ตรวจสอบให้การรับรองงบการเงิน และคาดว่าภายหลังจากส่งงบการเงินแล้วหุ้น AQ จะกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทันที

ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2560 มีมติให้ยกเลิกการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือ 27,360,000,000 หุ้น จากการออกหุ้นทั้งหมด จำนวน 100,000 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งได้จัดสรรไปแล้ว จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 72,640,000,000 หุ้น และให้ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนทุนชำระแล้วปัจจุบัน จำนวน 85,314,683,535 หุ้น เป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 4 (AQ-W4) จำนวนไม่เกิน 56,337,341,768 หน่วย ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ได้รับ AQ-W4 จำนวน 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยทางคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ วันที่ 24 ต.ค. 2560 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับจัดสรร AQ-W4

คณะกรรมการเล็งเห็นว่า ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงไปแล้ว จำนวน 72,640 ล้านหุ้น ขณะที่จำนวนผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ก่อนการจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงมีจำนวน 12,673.97 ล้านหุ้น ปัจจุบันจะเกิดทั้ง Price Dilution เท่ากับ 65.79% (เทียบจากฐานราคาปิด 0.22 บาท) และ Control Dilution เท่ากับ 85.15% เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเดิม จึงนำจำนวนหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ไปจัดสรรเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ แทน โดยมั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ดังนั้น กรณีที่บริษัทฯ ไม่ต้องการซื้อที่ดิน 4,300 ไร่ บริษัทฯ จะต้องเพิ่มทุนอีก 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ผู้ถือหุ้นเดิมน่าจะสามารถจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนดังกล่าวได้ เพราะเท่ากับภาระหนี้ของธนาคารกรุงไทยทั้งหมด บริษัทฯ สามารถชำระหนี้ได้ทั้งจำนวนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น