“ดิทโต้” ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 80 ล้านหุ้น เตรียมเข้าตลาด mai เล็งใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนขยายสาขา เพิ่มศักยภาพ และพัฒนาซอฟต์แวร์
บมจ. ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 60 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล. โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนเพื่อขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 228 ล้านบาทภายในไตรมาส 4/61 ลงทุนเพื่อขยายศักยภาพในงานสแกนเอกสาร 42 ล้านบาทภายในไตรมาส 4/61 ลงทุนเพื่อขยายศักยภาพในการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบจัดการเอกสาร 35 ล้านบาทภายในไตรมาส 3/62 และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
DITTO ดำเนินธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และระบบจัดการเอกสารครบวงจร (Document Solution) และธุรกิจจำหน่าย ให้บริการ และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ เช่น ศูนย์ดาราศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ ระบบโทรมาตร หรือระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) เป็นต้น ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทย่อย คือ บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด (บริษัทย่อย) ซึ่งบริษัททำการถือหุ้นในบริษัทย่อยในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว
โครงการในอนาคต บริษัทมีโครงการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และระบบบริหารจัดการเอกสารครบวงจร (Document Solution) โดยมีแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงเช่นชลบุรี จึงจะตั้งสาขาในจังหวัดสำคัญในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เบื้องต้น 6 สาขา ลงทุนสาขาละ 38 ล้านบาท รวม 228 ล้านบาท กำหนดพร้อมเริ่มดำเนินงานภายในไตรมาส 4/61
พร้อมกันนั้น ยังมีแผนขยายศักยภาพงานสแกนเอกสารทั้งการสแกนเอกสารที่ป็นความลับ (Security Scanning) การให้บริการสแกน ณ สถานที่ของลูกค้า (On-site Scanning) ซึ่งบริษัทมีแผนการลงทุนห้องสแกนที่มีระบบรักษาความปลอดภัย (Security Scanning Room) ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความทันสมัย และมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 42 ล้านบาท
ส่วนการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบจัดการเอกสารให้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ได้แก่ การลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การว่าจ้างและพัฒนาบุคลากรของบริษัทให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงการว่าจ้างผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จากภายนอก (Outsourcing) สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์บางส่วนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดใช้เงินลงทุน 35 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี กำหนดให้บริการได้ภายในช่วงไตรมาส 3/62
บริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้เท่ากับหุ้นละ 0.50 บาท โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเท่ากับ 160 ล้านบาท และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเท่ากับ 200 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (ปี 57-59) รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 427 ล้านบาทในปี 57 มาเป็น 541 ล้านบาทในปี 59 ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 30.40 ล้านบาท มาเป็น 55.19 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจบริการให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร บำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสาร และให้บริการการสแกนเอกสาร รวมทั้งธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการต่าง ๆ
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 60 บริษัทมีรายได้รวม 230.91 ล้านบาท ต้นทุน 154.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.48 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 486.16 ล้านบาท หนี้สินรวม 301.96 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 184.20 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 15 ส.ค. 60 คือ กลุ่มตระกูลรัตนกมลพร ถือหุ้น 280 ล้านหุ้น คิดเป็น 87.50% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 70%, นายกฤตย์ อินทรพรอุดม ถือหุ้น 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.13% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 2.50%, นายศุภโชค ตันติวิท ถือหุ้น 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.13% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 2.50% และกลุ่มตระกูลบุญธกานนท์ ถือหุ้น 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.13% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 2.50%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัทภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และทุนสำรองอื่น
