ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม ส่งสัญญานภาคการผลิตกำลังผ่านระดับต่ำสุด การฟื้นตัวของการลงทุนจากภาคเอกชนยังไม่ชัดเจนนัก การบริโภคยังฟื้นตัวช้าจากรายได้ในและนอกภาคเกษตรที่ยังชะลอตัว มองช่วงที่เหลือของปีส่งออก ท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ เป็นปัจจัยบวกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม 2560 ที่ประกาศออกมาล่าสุด ชี้การส่งออกค่อนข้างดีมีการกระจายตัวได้มากขึ้นหลังการส่งออกรถยนต์กลับมาฟื้นตัว ตัวเลขท่องเที่ยวชะลอตัวลงจากปัจจัยชั่วคราว (หลังจากเดือนที่แล้วมีแรงหนุนจากเดือนรอมฎอน) โดยมองว่า ทั้ง 2 อุตสาหกรรมยังคงมีการกระจายตัวได้ดี ด้านภาคการผลิตส่งสัญญานว่ากำลังจะผ่านระดับต่ำสุด โดยตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI ขยายตัว 3.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดของปีนี้ ทั้งนี้ การเติบโตหลักมีแรงหนุนจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยางพาราและกลุ่มยานยนต์ สอดคล้องกับตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิต (CAPU) ที่เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกเป็น 61.5% ซึ่งเป็นตัวเลขระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 สะท้อนว่า ภาคการผลิตกำลังมีสัญญานที่ดีขึ้น
ด้านรายได้ภาคการเกษตรและนอกภาคเกษตรยังคงหดตัว ตัวเลขรายได้ภาคการเกษตรมีการปรับลงค่อนข้างแรงอยู่ที่ -3% ตรงกับที่ บล. กสิกรไทย คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ครึ่งปีหลังรายได้ภาคการเกษตรจะชะลอตัวลง ด้านรายได้นอกภาคเกษตร ตัวเลขเดือนกรกฎาคมออกมาติดลบ 1.6% โดยเป็นการหดตัวของรายได้ในส่วนของภาคเอกชนถึง 3.4% สอดคล้องกับตัวเลขภาคการบริโภคที่ประกาศออกมาที่มียอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว
ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 เดือน ที่ 0.9% เป็นผลมาจากการนำเข้าเครื่องบินและสินค้าทุน (capital goods) ทั้งนี้ หากพิจารณาตัวเลขยอดขายสินค้าอื่น ๆ เช่น สินค้าก่อสร้าง หรือเครื่องจักรในประเทศยังคงติดลบ สะท้อนว่า ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่บวกขึ้นมานั้น ยังเป็นภาพที่ไม่ชัดเจน ด้านตัวเลขการส่งออกต่างประเทศมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการประกาศตัวเลขล่าสุดของสินค้านำเข้ากลับมาเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงจากสินค้าทุน ทำให้ดุลการค้าชะลอตัวลงมา ส่งผลให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด น้อยลงจาก 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้านตัวเลขการลงทุนภาครัฐที่ติดลบมาตลอดในช่วงไตรมาส 2 ซึ่ง บล. กสิกรไทย มองว่า เป็นปัจจัยชั่วคราว ตัวเลขเดือนกรกฎาคมที่ออกมาสามารถกลับมาเป็นบวกได้ สะท้อนว่าเริ่มมีสัญญานที่ดีขึ้นจากประเด็นโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐเช่นกัน
“ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา คือ การฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเรามองว่าน่าจะยังคงฟื้นตัวช้า สำหรับแรงสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่จะเบิกจ่ายได้ในไตรมาสที่ 4 นั้น น่าจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก โดยขนาดโครงการที่ 4.2 หมื่นล้านบาทนั้น คิดเป็นเพียง 0.3% ของ GDP และด้วยรูปแบบของโครงการที่เป็นลักษณะช่วยลดค่าครองชีพน่าจะทำให้ผลต่อการบริโภคมีน้อยกว่าโครงการลักษณะเพิ่มรายได้”
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเป็นไปในรูปแบบกระจุกตัว โดยภาคส่งออก ท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ น่าจะฟื้นตัวได้ชัดเจนกว่าการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน
ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชนเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะคาดว่าน่าจะฟื้นตัวได้ช้าที่สุด เนื่องจากการลงทุนจากต่างชาติ หายไปตั้งแต่ปี 2557 หากรัฐบาลต้องการให้ตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้ง การอนุมัติเรื่อง พ.ร.บ. EEC ให้สามารถบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติและการลงทุนของภาคเอกชนกลับเข้ามาลงทุนได้สูงขึ้น