พัฒน์กล เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 34 ล้านบาทเติบโต 787% จากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมกันนี้ มั่นใจผลงานปีนี้ทำนิวไฮ รายได้แตะ 4 พันล้านบาท ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตป้อนตลาดต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนแตะ 50% ภายใน 3-5 ปี
นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PK ผู้นำด้านเครื่องผลิตน้ำแข็งอันดับหนึ่งของโลก และหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจวิศวกรรมเครื่องจักร สำหรับงานอุตสาหกรรมของเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท เติบโต 787% จากไตรมาส 2/2559 ที่มีกำไรสุทธิ 4 ล้านบาท
โดยเป็นการเติบโตจากธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็งและระบบอุตสาหกรรมความเย็น เครื่องจักรระบบผลิตภัณฑ์เหลวและแปรรูปอาหาร รวมไปถึงงานบริการและอะไหล่ มียอดขายสูงขึ้น ทำให้ครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,277 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 112 ล้านบาท โดยคาดว่า ทั้งปีผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดใหม่ หรือมีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,738 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 5% จากการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิต เครื่องระบายความร้อนของระบบทำความเย็น หรือ Evaporative Condenser และการลงทุนในด้านเครื่องจักรใหม่ในโรงงานผลิตที่จังหวัดเพชรบุรี อย่างไรก็ตามตลาดในประเทศนั้น ยังมีการเติบโตที่ดี โรงงานผลิตอาหารในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 20,000 ราย แต่เพิ่งเริ่มมีการใช้ระบบบอัตโนมัติไม่ถึง 1% ซึ่งพัฒน์กลเป็นบริษัทที่ทำระบบอัตโนมัติมานานกว่า 15 ปี จากหลาย ๆ ชนิดของสายการผลิต ทั้งโรงงานผลิตน้ำแข็ง ระบบทำความเย็น โดยคู่แข่งจะเป็นบริษัทฯ ต่างชาติเท่านั้น ทำให้พัฒน์กล มีความเข้าในความต้องการของลูกค้ามากกว่า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดส่งออกไปยังแถบภูมิภาคอาเซียนในทุกประเทศ ซี่งสอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เพื่อทดแทนการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยได้มีการจัดตั้งบริษัทและเปิดสำนักงานในทุกประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ใน 5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกที่ประมาณ 20% ซึ่งกระจายอยู่ในอาเซียน, ตะวันออกกลาง, ออสเตรเลีย, ยุโรป, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก จากการพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ และการใช้งานในแต่ละประเทศ