บล. เคที ซีมิโก้ ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ รับลูกไทยแลนด์ 4.0 พัฒนานวัตกรรมการเงินรอบด้าน ผุดระบบ AI Lab เต็มรูปแบบ จับมือ “Setscope” ฟินเทคชั้นนำของภูมิภาค ลุยธุรกิจหลักทรัพย์ การเงินและกองทุน
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (KT ZMICO) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังปี 2560 ว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับวิสัยทัศน์องค์กรใหม่ โดยจะเน้นก้าวสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการลงทุน (Investment Technology Firm) ภายใต้นโยบาย KT ZMICO 4.0 และได้ใช้แผนปฏิบัติการนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เป็นตัวหลัก เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรให้มีความรวดเร็วมากขึ้น และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาว สู่การเป็นโบรกเกอร์ในยุคดิจิตอล 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลักดันนโยบายฟินเทคให้เดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นรูปธรรม โดยล่าสุด บริษัทฯ ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีกับ SetScope ซึ่งเป็น Fintech Startup ชั้นนำที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ทีมที่ดีที่สุดของการแข่งขัน Startupbootcamp Fintech Asia จาก Fintech ทั้งหมด 400 ทีมทั่ว Asia และ Oceania เมื่อปีที่ผ่านมา และประเดิมนำ Setscope แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันมาเชื่อมต่อโปรแกรมและแอพลิเคชัน Znet ของเคที ซีมิโก้ สำหรับซื้อขายหลักทรัพย์แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยตอบโจทย์นักลงทุนในการค้นหาหลักทรัพย์ (Stock Scan) ครอบคลุมหุ้นทั้งหมดในตลาดฯ และยังเป็นผู้แนะนำ (Robo Advisor) เลือกหุ้นและส่งข่าวสารให้เหมาะสมกับความต้องการเชิงลึกของนักลงทุนโดยแท้จริงในทุกมิติ นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงหุ้นคุณภาพดี โดยปัญญาประดิษฐ์ใหม่นี้จะช่วยให้โปรแกรม Znet ทำหน้าที่เป็นโค้ชในการวิเคราะห์หุ้นทั้งหมดใน Portfolio เพื่อตรวจคุณภาพหุ้นอย่างละเอียด และแนะนำแนวทางแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้โดยเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อจัดการลงทุนแบบใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Setscope ที่จะปฏิบัติการเสมือนผู้จัดการกองทุน (fund manager) แบบครบวงจร
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Setscope เป็น Investment Platform ที่มีผู้ใช้งานในประเทศไทยมากถึง 57,000 ราย และยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย Setscope ตั้งเป้าเป็น Total Software Solution ที่วิเคราะห์หุ้นทุกตัวแบบเชิงลึก และช่วยผู้ลงทุนให้สามารถนำไปใช้ตัดสินใจได้จริง โดยประมวลผลจากปัจจัยการลงทุนต่าง ๆ กว่า 70 ปัจจัย เช่น การเติบโตของรายได้และกำไร การลดลงของหนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นต้น เข้ามาทำการวิเคราะห์ด้วยชุดคำสั่งอัตโนมัติที่สร้างไว้ตามขั้นตอน (Algorithm) เพื่อให้ได้หุ้นในกลุ่มโตเร็ว, หุ้นมั่นคง, หุ้นคุณภาพดี และหุ้นเทิร์นอะราวนด์ ซึ่งจากการทดสอบข้อมูลย้อนหลัง (back test) 10 ปี พบว่า หากลงทุนในหุ้นตามการแนะนำของโปรแกรม Setscope จะมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูง 33% ต่อปี
“นักลงทุนสามารถใช้งาน Znet Application ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ซึ่งยังถูกนำไปพัฒนาเพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเร็ว ๆ นี้ จะเสนอบริการเฝ้าตลาดหุ้นแทนลูกค้านักลงทุน โดยหุ่นยนต์เราจะคิดเอง และวางแผนรวมทั้งหาจังหวะเข้าไปซื้อขายหุ้นให้ลูกค้าเองแบบอัตโนมัติ (auto execution) เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด แล้วจะคอนเฟิร์มลูกค้ากลับให้ทราบทุกระยะบนมือถือ โดยตั้งแต่อดีตบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการทำ Digital Transformation ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนองค์กรมาระยะหนึ่ง แต่เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันกับโลกยุคดิจิตอลที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงมีการจัดตั้ง AI Lab และตั้งงบวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรมดี ๆ เป็นการต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้สมบูรณ์เต็มรูปแบบที่สามารถจับต้องได้”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการพัฒนาการทางเทคโนโลยีนวัตกรรมที่จะช่วยสนับสนุนแผนธุรกิจต่างประเทศของบริษัท ในการรุกเข้าไปขยายฐานยังกลุ่มประเทศกัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม หรือ CLMV ด้วยเช่นกัน