xs
xsm
sm
md
lg

อาซีฟา งวดนี้ผลงานโต เดินหน้าประมูลงานรัฐเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อาซีฟา อวดงบไตรมาส 2 กำไรกว่า 68 ล้านบาท รายได้ 712.35 ล้านบาท โต 3.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มงานบริการด้านวิศวกรรมระบบที่เกี่ยวข้องและงานบริการหลังการขาย พร้อมตุน Backlog ในมือมากกว่า 2,000 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ปีนี้ 60-65% พร้อมเดินหน้าประมูลงานเพิ่มตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ยังมีต่อเนื่อง

นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ระบบกระจาย ส่งจ่าย และการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2560 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 712.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 691.49 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 68.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.55% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.48 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 8.86% เป็น 9.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,337.14 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,314.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.84 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.74% กำไรสุทธิอยู่ที่ 124.03 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 124.90 ล้านบาท ลดลง 0.87 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมของธุรกิจเป็นไปตามฤดูกาลปกติของช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องการพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการต้นทุนการผลิต และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างต่อเนื่อง

นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2560 คาดว่า แนวโน้มจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยมูลค่า Backlog ของบริษัทฯ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ปัจจุบัน backlog อยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 1,800 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 60-65% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานทั้งของภาครัฐบาล และเอกชน ได้แก่ โรงไฟฟ้า, พลังงานทดแทน, ระบบควบคุมอัตโนมัติและการอนุรักษ์พลังงาน, สนามบิน, รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ, โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เป็นต้น รวมทั้งการขยายตัวของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนและส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์และงานบริการของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น