คลังยกร่างกฎหมายฉบับชั่วคราว หนุนการจัดตั้งธุรกิจสตาร์ทอัป คาดจะเสร็จสิ้นใน ก.ย. 60 “ปลัดคลัง” ระบุหากจำเป็นอาจขอนายกฯ ใช้อำนาจตาม ม.44 ผลักดันกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้จริงภายในปีนี้ หวังช่วยลดอุปสรรคให้ธุรกิจสตาร์ทอัประหว่างรอแก้ไขกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้านกระทรวงพาณิชย์เตรียมเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ ส่วนตลาดหุ้นเล็งเปิดกระดานรับการระดมทุนของธุรกิจร่วมทุน-สตาร์อัปในเดือน ก.ย.-ต.ค. นี้
นายสมชาย สัจจพงษ์ ปลีกกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร SME-D Scale Up ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (ธพว.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าผลจากการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสมติ จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจร่วมลงทุน (เวนเจอร์แคปปิตอล) และการสนับสนุนการจัดตั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) ที่เป็นกลุ่มสตาร์ทอัป
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมถึงในส่วนของการสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัปนั้น กระทรวงการคลังเตรียมผลักดันกฎหมายฉบับชั่วคราวขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในเรื่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้การร่างกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะมีการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาออกเป็นมาตรา 44 โดยคาดว่า กรอบการร่างกฎหมายสตาร์อัปฉบับบชั่วคราวนี้น่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงเดือน ก.ย. 60 ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการสตาร์อัปแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่าจะพยายามให้กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ให้ได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ กฎหมายธุรกิจสตาร์ทอัปดังกล่าวนั้นจะถูกใช้เป็นเป็นกฎหมายที่ยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน โดยปัจจุบันยังจะต้องสรุปถึงความเหมาะสมของธุรกิจสตาร์ทอัปในไทย เช่น ในเรื่องแซนด์บ็อกซ์ของทางประกัน ซึ่งปัจจุบันยังคงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกมาทดลอง โดยให้แต่เฉพาะสถาบันการเงิน และผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกัน สามารถเข้ามาทดลองทำธุรกิจในแซนด์บ๊อกซ์ดังกล่าวได้เท่านั้น แต่หลังมีการกฎหมายใหม่แล้ว บุคคลภายนอกก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการพัฒนาการให้บริการใหม่ ๆ ได้เช่นกัน ส่วนกรณีของแท็กซี่อูเบอร์ ที่ยังมีปัญหาผิดกฎหมายไทยนั้น คงจะมีการหารือกันอีกครั้งว่า ตามกฎหมายใหม่จะอนุญาตให้ทำได้หรือไม่
นายสมชัย ยังกล่าวต่อไปว่า ในกฎหมายฉบับใหม่จะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนถึงนิยามของธุรกิจสตาร์ทอัป สิทธิประโยชน์ที่จะควรจะได้รับ รวมถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจและความเชื่อมโยงกับกฎหมายของกระทรวงอื่น ๆ อีกทั้งต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลพิจารณาว่าควรจะมีการเปิดกว้างให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัปประเภทใดบ้างที่จะเข้ามาดำเนินการในไทย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของในการจัดทำกฎหมายฉบับชั่วคราวนี้จะไม่จำกัดการทำธุรกิจเฉพาะสำหรับคนไทย แต่ยังเปิดกว้างให้นักธุรกิจต่างชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในเดือน ส.ค. นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจเอสเอ็มอีสตาร์ทอัป เช่น การแจกหุ้นให้พนักงานเมื่อมีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการร่นระยะเวลาการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อสนับสนุนการกลุ่มสตาร์ทอัป อีกทั้งภายในเดือนก.ย.-ต.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังจะมีการจัดตั้งกระดานเพื่อรองรับการระดมทุนของเวนเจอร์แคปปิตอล และสตาร์อัปในประเทศ แทนการออกไประดมทุนในตลาดหุ้นที่สิงคโปร์
ด้านความร่วมมือจากสถาบันการศึกษานั้น นายสมชาย กล่าวว่า นายสมคิดต้องการเห็นการจัดตั้งชมรมสตาร์ทอัปขึ้นภายในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมปลาย และอาชีวศึกษา โดยจะกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศในช่วงเดือน ต.ค. นี้ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้สร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ และศึกษาเพิ่มเติมไปในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพของตนเองได้ในอนาคต
นายสมชาย สัจจพงษ์ ปลีกกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร SME-D Scale Up ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (ธพว.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าผลจากการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสมติ จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจร่วมลงทุน (เวนเจอร์แคปปิตอล) และการสนับสนุนการจัดตั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) ที่เป็นกลุ่มสตาร์ทอัป
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมถึงในส่วนของการสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัปนั้น กระทรวงการคลังเตรียมผลักดันกฎหมายฉบับชั่วคราวขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในเรื่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้การร่างกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะมีการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาออกเป็นมาตรา 44 โดยคาดว่า กรอบการร่างกฎหมายสตาร์อัปฉบับบชั่วคราวนี้น่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงเดือน ก.ย. 60 ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการสตาร์อัปแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่าจะพยายามให้กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ให้ได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ กฎหมายธุรกิจสตาร์ทอัปดังกล่าวนั้นจะถูกใช้เป็นเป็นกฎหมายที่ยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน โดยปัจจุบันยังจะต้องสรุปถึงความเหมาะสมของธุรกิจสตาร์ทอัปในไทย เช่น ในเรื่องแซนด์บ็อกซ์ของทางประกัน ซึ่งปัจจุบันยังคงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกมาทดลอง โดยให้แต่เฉพาะสถาบันการเงิน และผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกัน สามารถเข้ามาทดลองทำธุรกิจในแซนด์บ๊อกซ์ดังกล่าวได้เท่านั้น แต่หลังมีการกฎหมายใหม่แล้ว บุคคลภายนอกก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการพัฒนาการให้บริการใหม่ ๆ ได้เช่นกัน ส่วนกรณีของแท็กซี่อูเบอร์ ที่ยังมีปัญหาผิดกฎหมายไทยนั้น คงจะมีการหารือกันอีกครั้งว่า ตามกฎหมายใหม่จะอนุญาตให้ทำได้หรือไม่
นายสมชัย ยังกล่าวต่อไปว่า ในกฎหมายฉบับใหม่จะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนถึงนิยามของธุรกิจสตาร์ทอัป สิทธิประโยชน์ที่จะควรจะได้รับ รวมถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจและความเชื่อมโยงกับกฎหมายของกระทรวงอื่น ๆ อีกทั้งต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลพิจารณาว่าควรจะมีการเปิดกว้างให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัปประเภทใดบ้างที่จะเข้ามาดำเนินการในไทย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของในการจัดทำกฎหมายฉบับชั่วคราวนี้จะไม่จำกัดการทำธุรกิจเฉพาะสำหรับคนไทย แต่ยังเปิดกว้างให้นักธุรกิจต่างชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในเดือน ส.ค. นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจเอสเอ็มอีสตาร์ทอัป เช่น การแจกหุ้นให้พนักงานเมื่อมีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการร่นระยะเวลาการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อสนับสนุนการกลุ่มสตาร์ทอัป อีกทั้งภายในเดือนก.ย.-ต.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังจะมีการจัดตั้งกระดานเพื่อรองรับการระดมทุนของเวนเจอร์แคปปิตอล และสตาร์อัปในประเทศ แทนการออกไประดมทุนในตลาดหุ้นที่สิงคโปร์
ด้านความร่วมมือจากสถาบันการศึกษานั้น นายสมชาย กล่าวว่า นายสมคิดต้องการเห็นการจัดตั้งชมรมสตาร์ทอัปขึ้นภายในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมปลาย และอาชีวศึกษา โดยจะกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศในช่วงเดือน ต.ค. นี้ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้สร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ และศึกษาเพิ่มเติมไปในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพของตนเองได้ในอนาคต