ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย 6 เดือนแรกปี 2560 สภาพคล่องยังสูงสุดในอาเซียน ขณะที่มูลค่า IPO และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังโดดเด่น เดินหน้าครึ่งปีหลัง 2560 ต่อยอดแผนกลยุทธ์ เปิดบริการ “LIVE” Platform ช่วยให้ SME และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน สนองนโยบาย Thailand 4.0 เตรียมการสู่ T+2 ซึ่งจะเริ่มใช้ 2 มี.ค. 2561
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยโดยรวมคาดว่า ดีขึ้นในช่วง 6 เดือนที่เหลือปีนี้ หลังจากที่รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ชาติ อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ การขยายขอบเขตการลงทุนในเขตเศรษฐกิจการลงทุนพิเศษระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก การส่งเสริมการส่งออก เป็นต้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการลงทุนให้กับภาคธุรกิจไทย รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งพัฒนาสินค้าและบริการรองรับยุคดิจิตอล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน พร้อมตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง
การดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2560 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ โดยจะมีหลักทรัพย์ทยอยเข้าจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วง 6 เดือนแรก มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 11 หลักทรัพย์ มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO เพิ่ม 109,984 ล้านบาท จึงคาดว่า มูลค่าหลักทรัพย์จะเป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้ที่ 280,000 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังดีต่อเนื่องจากปีก่อน โดยไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิรวม 2.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากงวดเดียวกันในปีก่อน ขณะที่สภาพคล่องยังคงสูงสุดในภูมิภาค ด้วยมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน 46,549 ล้านบาท (SET+mai) ต่อเนื่องหลังครองอันดับหนึ่ง 5 ปีติดต่อกัน (2555-2559)
ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมขยายโอกาสการระดมทุนไปยังกลุ่มผู้ประกอบการ SME และ Startup ด้วยการพัฒนา LIVE Platform ให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่การพัฒนาสินค้าใหม่ TFEX Gold-D สัญญาซื้อขายที่อ้างอิงทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 99.99% อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเปิดซื้อขาย และจะขยายเวลาซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ ในช่วงเวลากลางคืนเป็น 19.00-23.55 น. (จากปัจจุบัน 19.30-22.30 น.) ให้สอดรับกับตลาดทองคำสำคัญของโลก
สำหรับการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังยังคงดำเนินโครงการ #investnow ออมหมื่น ออมพัน สร้างฝันเงินล้าน รณรงค์ให้เกิดการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Dollar-Cost Averaging : DCA) อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการใช้สื่อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเปิดให้บริการ FundConnext เมื่อ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนรวมได้สะดวกและรวดเร็ว และเพิ่มทางเลือกการลงทุนในกองทุนที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งในช่วงเริ่มต้นมี บลจ. 5 แห่ง และ บล. 3 แห่ง ใช้บริการ พร้อมนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมาพัฒนาเครื่องมือเพื่อการลงทุนตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้ลงทุน ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ Settrade Streaming for Fund เพื่อให้ผู้ลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายกองทุนรวมด้วยตัวเองอย่างสะดวก และรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมการปรับลดระยะเวลาชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ให้สามารถดำเนินการได้ใน 2 วันทำการ (T+2) ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาระบบงาน เพื่อทดสอบกับสมาชิกก่อนเริ่มใช้จริง 2 มี.ค. 2561
ด้านการพัฒนาความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมคำนวณในดัชนี DJSI (Dow Jones Sustainability Index) เพิ่มขึ้น และจัดทำรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) ซึ่งเตรียมประกาศในเดือน พ.ย. นี้ นอกเหนือจากเชื่อมโยงภาคธุรกิจ และภาคสังคม ให้มาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแบ่งปันทรัพยากรผ่าน SET Social Impact Platform และ SET Social Impact Day เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมแล้ว
ล่าสุด เตรียมจัดงานสานพลังบริษัทจดทะเบียนเพื่อสังคมไทยยั่งยืน ในวันที่ 21 ส.ค. นี้ เชื่อมโยงความร่วมมือบริษัทจดทะเบียนมาช่วยสนับสนุนภาคสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง พร้อมตอกย้ำบทบาทการพัฒนาตลาดทุนที่ยั่งยืนของประเทศไทยในเวทีระดับโลก โดยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (Word Federation of Exchanges : WFE) ในเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้