xs
xsm
sm
md
lg

4 แบงก์ใหญ่โชว์กำไร Q2 BBL-SCB โตเพิ่ม, KTB-KBANK คุมเข้มกันสำรองฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - แบงก์ใหญ่ 4 แห่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 “BBL” แจ้ง 8 พันล้านเพิ่มขึ้น 12% เช่นเดียวกับ “ไทยพาณิชย์” แม้ลงทุนหนักด้านเทคโนโลยี ขณะที่ “กรุงไทย” วูบกว่า 5 พันล้าน กันสำรองหนี้เสียรายใหญ่ “กสิกรไทย” กำไรลด 1.1 พันล้าน และ “กรุงศรี”โชว์กำไรเพิ่ม 11% โดยทุกแห่งยังมีการกันสำรองเพิ่มอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับความไม่แน่นอน

ธนาคารกรุงเทพ และบริษัทย่อย แจ้งผลประกอบการ สำหรับไตรมาส 2 ปี 2560 จำนวน 8,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 16,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2559 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.31 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 12,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 45.8 ส่งผลให้กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) ขณะที่งวด 6 เดือน ธนาคารมีกำไรสุทธิ 16,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
 
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ จำนวน 1,978,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากสิ้นปี 2559 โดยเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 3.7 ของเงินให้สินเชื่อรวม ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรักษาระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารอยู่ที่ 129,918 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.6 ของเงินให้สินเชื่อ
 
กรุงไทยกันสำรอง Q2 กำไรวูบ 5 พันล้าน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารไตรมาส 2 ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 3,222 ล้านบาท ลดลง 5,463 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,685 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2560 กำไรสุทธิส่วนของธนาคาร จำนวน 11,760 ล้านบาท ลดลง 4,471 ล้านบาท (ร้อยละ 27.55) สาเหตุหลักจากการตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญฯ ที่เพิ่มขึ้น จำนวน 4,974 ล้านบาท (ร้อยละ 30.40) จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามนโยบายการบริหารความเสี่ยง และหลักเกณฑ์ความระมัดระวังของธนาคาร โดยได้กันสำรองหนี้สูญเต็มจำนวน สำหรับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมเกษตร และเหมืองแร่ ซึ่งมีแนวโน้มการดำเนินงานที่อ่อนแอลง ทำให้สามารถคงอัตราส่วนเงินสำรองสำหรับลูกหนี้ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยร้อยละ 112.50

ทั้งนี้ ธนาคารอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับร้อยละ 3.40 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16 จากช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ซึ่งเท่ากับร้อยละ 3.24 จากนโยบายการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ และมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ 99,078 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio-Gross) ร้อยละ 4.33

ด้านเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้เท่ากับ 1,918,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,921 ล้านบาท (ร้อยละ 0.73) จากสิ้นปี 2559 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าภาครัฐ ด้านเงินรับฝากลดลง 9,982 ล้านบาท (ร้อยละ 0.51)

กสิกรไทยงวดแรก ปี 60 กำไร 19,157 ล้านบาท

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งแรกปี 2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 19,157 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 19,074 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 8,986 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน จำนวน 1,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.65 ส่วนใหญ่เกิดจากธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ และภาษีเงินได้ จำนวน 23,459 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ที่ 23,381 ล้านบาท และมี NIM อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.43

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 ธนาคารมี NPL gross ที่ร้อยละ 3.31 ขณะที่สิ้นปี 2559 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.32 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 อยู่ที่ระดับร้อยละ 141.17 ขณะที่สิ้นปี 2559 อยู่ที่ระดับร้อยละ 130.92 สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 อยู่ที่ 17.63% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 15.25
 
 
ไทยพาณิชย์ โชว์กำไรไตรมาส 2 ระดับ 1.1 หมื่น ล.

ด้าน ธนาคารไทยพาณิชย์ รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2560 (งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบ) ที่จำนวน 11,911 ล้านบาท ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2560 ในขณะที่อัตราส่วน NPL ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วน NPL ในไตรมาส 2/2560 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.65% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 ที่ 2.70%

ขณะเดียวกัน ไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 5,010 ล้านบาท หรือ 1.02% ของสินเชื่อรวม ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่ดีที่ 133.5% ณ สิ้นไตรมาส 2/2560

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามงบการเงินรวมในไตรมาส 2/2560 มีจำนวน 22,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากไตรมาส 1/2560 เป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยตามงบการเงินรวมในไตรมาส 2/2560 มีจำนวน 11,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากไตรมาส 1/2560 เป็นผลจากการเติบโตของกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ รายได้เงินปันผล และรายได้เงินชดเชยจากการประกันภัย

นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารยังสามารถรักษาผลประกอบการได้ในระดับที่ดี แม้ว่าอยู่ระหว่างการลงทุนครั้งใหญ่ด้านเทคโนโลยี และการปรับเปลี่ยนกระบวนการอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมถึงการบริหารความเสี่ยงโดยเฉพาะ NPL ให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
 
กรุงศรี โชว์กำไรครึ่งปีเพิ่ม 10.5%

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) แจ้งกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2560 จำนวน 11,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ไตรมาส 2 ของปี 2560 กรุงศรี มีกำไรสุทธิ 5.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 จากไตรมาส 2/2559 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาส 1/2560

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ จำนวน 1.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,620 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 ในไตรมาส 2/2560 เงินให้สินเชื่อเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ขณะที่สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME เติบโตที่ร้อยละ 3.3 และร้อยละ 2.9 ตามลำดับ ขณะที่เงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.02 พันล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 จากสิ้นเดือนธันวาคม 2559 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำ ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้นมาที่ร้อยละ 3.89 ในไตรมาส 2/2560 เทียบกับร้อยละ 3.82 ในไตรมาส 1/2560 และครึ่งปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 3.82 ส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ร้อยละ 2.24 ปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 2.33 ในไตรมาส 1/2560 ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.6%

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังคาดว่า เศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเติบโตในอัตราร้อยละ 3.4 ในปี 2560 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่เกื้อหนุน ธนาคารจึงยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อทั้งปีที่ร้อยละ 6-8
กำลังโหลดความคิดเห็น