ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 477 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 110 ล้านบาท คิดเป็น 30.12% เป็นผลจากบริหารค่าใช้จ่ายที่ดี ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลอยู่ที่ 11.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 5.4%
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT แจ้งผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 ว่า ธนาคาร และบริษัทย่อย กำไรสุทธิ 477.84 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0188 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 367.23 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0148 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 110.61 ล้านบาท คิดเป็น 30.12%
โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 6,383.1 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 104.7 ล้านบาท หรือ 1.6% เกิดจากการลดลงของรายได้อื่น 41.7% เนื่องจากการลดลงของกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรสุทธิจากเงินลงทุนสุทธิ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิ 158.6 ล้านบาท หรือ 21% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมบริการที่ปรึกษา รายได้ธุรกรรมเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมจาการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 101.1 ล้านบาท หรือ 2.1% เป็นผลจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 70.6 ล้านบาท หรือ 2.0% สาเหตุหลักจากการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายภาษีอากร อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงาน อยู่ที่ 53.6% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน อยู่ที่ 53.8% เป็นผลจากการปรับปรุงแผนการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) อยู่ที่ 3.81% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 3.79%
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อ ซึ่งค้ำประกันโดยธนาคาร และเงินให้สินเชื่อสถาบันเงิน) ของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่ 202.4 พันล้านบาท ลดลง 2.0% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 59 กลุ่มธนาคาร มีเงินฝาก 207.0 พันล้านบาท ลดลง 7.4% อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก เพิ่มเป็น 97.7%
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 11.3 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 5.4 ลดลงเมื่อเทียบกับ 31 ธันวาคม 59 อยู่ที่ร้อยละ 6.1 มีสาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้วยคุณภาพในไตรมาส 1/2560 ประกอบกับธนาคารมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการแก้ปัญหาสินเชื่อด้วยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงแนวทางในการเรียกเก็บหนี้จากสินเชื่อด้วยคุณภาพที่มีอยู่
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อดวยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 อยู่ที่ร้อยละ 84.0 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 77.3 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 เงินสำรองของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่จำนวน 9.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกิดตามเกณฑ์ธนาคารรแห่งประเทศ จำนวน 3.3 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2560 จำนวน 43.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 18.6 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 13.2
