บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ APX แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ระบุนายประวิม หอหรุ่งเรือง และนางสาวเพ็ญพรรณี หอรุ่งเรือง ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นที่ปรึกษาของบริษัทมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2560 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทลง 1,499,925,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,999,850,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,499,925,000 บาท โดยลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par) จาก 1.00 บาทต่อหุ้น เหลือ 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะเป็นผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทลดลงเหลือ 1,499,925,000 บาทจาก 2,999,850,000 บาท ในจำนวนหุ้นลงเดิมที่ 2,999,850,000 หุ้น เพื่อนำส่วนที่ได้จากการลดทุน มูลค่า 2,849,925,000 บาท ไปหักกลบส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น และล้างขาดทุนสะสม
และมีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 749,962,500 บาท ภายหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนลดทุนเป็น 1,499,925,000 หุ้น โดยเพิ่มทุนเป็น 2,249,887,500 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ จำนวน 1,499,925,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 999,950,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาทในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ และเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ (APX-1) 499,975,000 หุ้น โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี อัตราส่วนการใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 กำหนดราคาใช้สิทธิหุ้นละ 1 บาท กำหนดใช้สิทธิ ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย. และเดือน ธ.ค. ของทุกปี
คณะกรรมการฯ มีมติกำหนดวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 21 ก.ค. 60 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทในวันที่ 24 ก.ค. 60 เวลา 12.00 น. เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับจัดสรรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนพร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิ APX-1 และกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 11 ส.ค. 60 และกำหนดวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 21 ก.ค. 60 (Record date) และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทในวันที่ 24 ก.ค. 60 เวลา 12.00 น.
สำหรับการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินในการขยายโครงการของบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระในการกู้เงินของบริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มทุน จากการจ่ายเงินปันผลที่มีนโยบายเงินปันผลไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลก็ต่อเมื่อบริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทลง 1,499,925,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,999,850,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,499,925,000 บาท โดยลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par) จาก 1.00 บาทต่อหุ้น เหลือ 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะเป็นผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทลดลงเหลือ 1,499,925,000 บาทจาก 2,999,850,000 บาท ในจำนวนหุ้นลงเดิมที่ 2,999,850,000 หุ้น เพื่อนำส่วนที่ได้จากการลดทุน มูลค่า 2,849,925,000 บาท ไปหักกลบส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น และล้างขาดทุนสะสม
และมีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 749,962,500 บาท ภายหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนลดทุนเป็น 1,499,925,000 หุ้น โดยเพิ่มทุนเป็น 2,249,887,500 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ จำนวน 1,499,925,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 999,950,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาทในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ และเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ (APX-1) 499,975,000 หุ้น โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี อัตราส่วนการใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 กำหนดราคาใช้สิทธิหุ้นละ 1 บาท กำหนดใช้สิทธิ ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย. และเดือน ธ.ค. ของทุกปี
คณะกรรมการฯ มีมติกำหนดวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 21 ก.ค. 60 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทในวันที่ 24 ก.ค. 60 เวลา 12.00 น. เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับจัดสรรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนพร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิ APX-1 และกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 11 ส.ค. 60 และกำหนดวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 21 ก.ค. 60 (Record date) และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทในวันที่ 24 ก.ค. 60 เวลา 12.00 น.
สำหรับการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินในการขยายโครงการของบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระในการกู้เงินของบริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มทุน จากการจ่ายเงินปันผลที่มีนโยบายเงินปันผลไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลก็ต่อเมื่อบริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด
