ทีเอ็มบี คงเป้าจีดีพี ปีนี้ที่ 3.3% ภาพรวมยังใกล้เคียงครึ่งปีแรก รอการลงทุนเอกชนชัดเจนขึ้น จับตาทิศทางนโยบายธนาคารกลางประเทศหลัก ๆ ทั้งการด้านอัตราดอกเบี้ย-การปรับลด QE ประเมินกรอบค่าบาทปลายปีที่ 33.60-33.70
นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงิน ธนาคารทหารไทย หรือทีเอ็มบี กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2560 ยังคงใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดยคงประมาณการเศรษฐกิจเติบโตไว้ที่ 3.3% ซึ่งแม้ว่าภาคการใช้จ่ายของรัฐ และการท่องเที่ยว-บริการจะยังขยายตัวได้ดี แต่ก็เป็นภาคที่มีสัดส่วนในจีดีพีไม่สูง จึงยังต้องพึ่งพาการลงทุนภาคเอกชนที่มีสัดส่วนสูงในจีดีพี จึงจะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยังต้องติดตามในช่วงครึ่งปีหลังนั้น เป็นกรณีสถานการณ์ทางการเมืองของยุโรป ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และเริ่มมีกระแสเงินลงทุนไหลกลับ รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งโดยรวมแล้วยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก รวมถึงนโยบายของธนาคารประเทศหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยปัจจัยหลัก ๆ เป็นเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการเข้าสู่กระบวนการลด QE ของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อสถานการณ์เงินทุนของตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งไทย และค่าเงินบาทด้วย และภาวะของเศรษฐกิจไทยที่จะมีปัจจัยเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่
“แนวโน้มเงินบาทจากนี้ยังคงแข็งค่าได้อีก ในสมมติฐานที่เรายังคงมองว่า จะเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีก 1 ครั้ง และเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการลดขนาดงบดุลในปลายปีนี้ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ ประเมินกรอบค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.60-33.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายปี แต่หากมีความเข้มงวดกว่านี้ ประกอบกับฝั่งยุโรปที่มีท่าทีจะเข้าสู่กระบวนการลด QE เร็วกว่าที่คาดว่า ที่ไตรมาส 2 ปีหน้า ก็อาจจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้ถึง 34.50-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยของไทยน่าจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าไปที่ระดับ 2.00% จากปัจจุบันที่ 1.50%”