บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 และบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 60 ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท บัฟ (ประเทศไทย) จำกัด ฝ่ายละ 30% มูลค่าลงทุนฝ่ายละ 268.21 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวม 536.42 ล้านบาท
บริษัท บัฟ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ดังนั้น การที่ SYNEX เข้าลงทุนดังกล่าวจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจเช่าซื้อเพื่อต่อยอดการทำธุรกิจแบบครบวงจร และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท และผู้ถือหุ้น รวมถึงเป็นการสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคง
การลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการของแต่ละบริษัทก่อนหน้านี้ และได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของแต่ละบริษัทเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงได้ดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญาดังกล่าวครบถ้วนแล้ว จนนำมาซึ่งการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.)
ในส่วนของ COM7 แจ้งว่า การเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทจ.20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่มีนัยสำคัญ เพราะเมื่อคำนวณขนาดรายได้ของขนาดรายการแล้ว มีมูลค่าสินทรัพย์เท่ากับ 5.45% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ COM7 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 และมีขนาดรายได้เท่ากับ 9.74% เมื่อคำนวณขนาดรายได้ของ COM7 ในรอบ 6 เดือน ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายได้ที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการตลาดทุนที่ ทจ.21/2551
การซื้อหุ้นในบัฟดังกล่าวเป็นการซื้อพร้อมกันของทั้ง 2 บริษัท และนักลงทุนรายอื่น โดยซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จำกัด และ บริษัท มิตซุย บุซซัน ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ภายหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ผู้ถือหุ้นในบัฟ เปลี่ยนแปลงโดย COM7 จะเข้ามาถือหุ้น 30%, SYNEX ถือหุ้น 30%, บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จำกัด ถือหุ้น 25% จากเดิม 48.9999%, นักลงทุนรายอื่น ถือหุ้น 14.9999% ขณะที่บริษัท มิตซุยแอนด์ คัมปนี (ไทยแลนด์) จำกัด ถือหุ้นเท่าเดิมที่ 0.0001% ส่วนบริษัท มิตซุย บุซซัน ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีสัดส่วนการถือหุ้นเหลืออยู่จากเดิมถืออยู่ 51%
บริษัท บัฟ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ดังนั้น การที่ SYNEX เข้าลงทุนดังกล่าวจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจเช่าซื้อเพื่อต่อยอดการทำธุรกิจแบบครบวงจร และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท และผู้ถือหุ้น รวมถึงเป็นการสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคง
การลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการของแต่ละบริษัทก่อนหน้านี้ และได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของแต่ละบริษัทเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงได้ดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญาดังกล่าวครบถ้วนแล้ว จนนำมาซึ่งการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.)
ในส่วนของ COM7 แจ้งว่า การเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทจ.20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่มีนัยสำคัญ เพราะเมื่อคำนวณขนาดรายได้ของขนาดรายการแล้ว มีมูลค่าสินทรัพย์เท่ากับ 5.45% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ COM7 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 และมีขนาดรายได้เท่ากับ 9.74% เมื่อคำนวณขนาดรายได้ของ COM7 ในรอบ 6 เดือน ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายได้ที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการตลาดทุนที่ ทจ.21/2551
การซื้อหุ้นในบัฟดังกล่าวเป็นการซื้อพร้อมกันของทั้ง 2 บริษัท และนักลงทุนรายอื่น โดยซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จำกัด และ บริษัท มิตซุย บุซซัน ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ภายหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ผู้ถือหุ้นในบัฟ เปลี่ยนแปลงโดย COM7 จะเข้ามาถือหุ้น 30%, SYNEX ถือหุ้น 30%, บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จำกัด ถือหุ้น 25% จากเดิม 48.9999%, นักลงทุนรายอื่น ถือหุ้น 14.9999% ขณะที่บริษัท มิตซุยแอนด์ คัมปนี (ไทยแลนด์) จำกัด ถือหุ้นเท่าเดิมที่ 0.0001% ส่วนบริษัท มิตซุย บุซซัน ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีสัดส่วนการถือหุ้นเหลืออยู่จากเดิมถืออยู่ 51%